Posted on

9 คาถาชีวิตมีสุข

9 คาถาชีวิตมีสุข

9 คาถาชีวิตมีสุข 

ปัจจุบันวิทยาการเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า . คนอยู่ต่างสถานที่กันแม้ไกลคนละซีกโลกก็สามารถติดต่อกันได้ . เสมือนอยู่ต่อหน้ากัน นั่งคุยกัน ความเจริญทางเทคโนโลยีทำให้การดำเนินชีวิตสะดวกสบาย . แต่ในความสะดวกสบายนั้นจริงๆแล้ว . มีความสับสนวุ่นวายเต็มไป ด้วยการแข่งขัน . ความเร่งรีบ . โดยเฉพาะในสังคมเมือง . เช่นกรุงเทพ . เมืองหลวงของเรา . ซึ่งคนในเมืองต้องผจญกับความเครียดอย่างหนัก . จนเกิดโรคภัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรคความดันสูงโรคหัวใจ . โรคไขมันหลอดเลือดสูง . หรือแม้แต่โรคมะเร็ง . เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว   มีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขกาย สบายใจได้ ขอเสนอวิธีการสั้นสั้นง่ายๆ เพื่อการดำรงชีวิตที่จะทำให้เกิดความสุขกายสบายใจ  ซึ่งสามารถท่องจำให้ขึ้นใจและนำไปปฏิบัติได้อย่างจริงจัง ย่อมเห็นผลอย่างแท้จริงแน่นอน
เริ่มแรกการปฎิบัติ 9ข้อง่ายๆ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เกิดสุขภาพกายที่ดี ดังนั้นคือ

1.ดื่มน้ำมากๆ
2.รับประทานอาหารเช้าให้เต็มอิ่มและทานมื้อกลางวันลองลง สุดท้ายทานมื้อเย็นให้น้อย
3.รับประทานอาหารที่ปรุงด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติให้มากขึ้นลดละอาหารที่ผ่านการแปรรูป
4. รับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่
5. ไม่ดื่มของมึนเมาไม่สูบบุหรี่
6. อย่าทำงานหักโหมมากเกินไป ถ้าวันนี้ทำไม่สำเร็จหยุดพักและค่อยทำใหม่อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
7. เดินออกกำลังกายทุกๆวันวันละ 10 – 30 นาที
8. ทำสมาธิอย่างน้อยครั้งละ 10 นาทีเป็นประจำทุกวันและสวดมนต์ก่อนเข้านอนทุกคืน
9. นอนหลับพักผ่อนวันละ 7 ชั่วโมง 

เมื่อสุขภาพกายดีแล้วก็ต้องตามด้วยสุขภาพใจที่ดี   เพื่อให้ชีวิตมีความสุขสบายอย่างแท้จริงก็คือควรปฏิบัติตาม9ข้อต่อไปนี้

1. อย่าเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นเพราะคุณไม่รู้หรอกว่าเส้นทางชีวิตของเค้าเป็นอย่างไร
2. อย่ามัวแต่คิดในแง่ร้ายหรือหมกมุ่นในสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้แต่คนทุ่มเทพละกำลังและคิดในด้านดีกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
3. เพิ่งละลึกเสมอว่าไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือร้ายอย่างไรย่อมมีวันสิ้นสุดและเปลี่ยนแปลง
4. อย่ามัวแต่ซุบซิบนินทาเพราะเปลืองทั้งแรงกายและแรงใจ
5. จงลืมเรื่องราวในอดีตเสียและอย่าทำให้คนใกล้ตัวรู้สึกถึงความผิดพลาดที่เขาหรือเธอเคยกระทำเพราะมันจะทำลายความสุขของคุณจนหมดสิ้น
6. ชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าจะเสียเวลาโกรธแค้นใครคนใดคนหนึ่งไปตลอดฉะนั้นควรเลิกโกรธเกลียดผู้อื่น
7. ให้อภัยกับเรื่องในอดีตเพื่อที่มันจะได้ไม่ทำร้ายปัจจุบันของคุณ
8. จำไว้ว่าไม่มีใครทำให้คุณมีความสุขได้นอกจากตัวคุณเอง
9. จงยิ้มและหัวเราะให้มากขึ้น

จะเห็นได้ว่าข้อปฏิบัติที่กล่าวมานั้นสามารถปฏิบัติตามได้อย่างง่ายดายและได้ผลอย่างแน่นอนดังนั้นเพื่อให้ชีวิตมีความสุขกายสบายใจลองนำไปปฏิบัติดูนะคะรับรองเกิดผลดีแน่นอน

789beauty  Share Healthy Space

Posted on

กินหวาน โมโหง่าย

กินหวาน โมโหง่าย

การกินหวาน โมโหง่าย จริงหรือ?

กินหวาน โมโหง่าย เวลาที่เรา โมโห หรือ หงุดหงิดอะไรสักอย่าง เคยเจอเพื่อน แซวกันมั้ยว่า “ไปกินหวานมาเยอะใช่มั้ย” “เพิ่งไปกินน้ำตาลมาหรอ” และอีกคำสารพัดที่ไปโยงความหงุดหงิดเข้ากับความหวาน จนมีความเชื่อเกิดขึ้นมาว่า “กินหวานแล้วโมโหง่าย” หรือแม้กระทั่ง อย่าให้สุนัขกินของหวาน เพราะจะทำให้มันดุ
.
ความเชื่อนี้ ไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อที่พูดกันเล่นๆ เท่านั้นนะ เพราะนักวิทยาศาสตร์มีการทดลองอย่างจริงจังเพื่อพิสูจน์ว่ากินน้ำตาลมากไปจะทำให้โมโหและหงุดหงิดง่ายจริง วิธีการทดลองมีอยู่ว่า ไม่ให้ผู้ทดลองกินน้ำตาลอย่างเด็ดขาด ดังนั้นอาหารที่ทำให้ผู้ทดลองทานก็จะใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล และใช้น้ำผลไม้แทนน้ำอัดลม เวลาผ่านไปสามเดือน พบว่าสถิติการทะเลาะวิวาทของผู้ทดลองลดลงถึง 45% ทีเดียวเชียว
.
สาเหตุที่ทำให้น้ำตาลกลายเป็นปัจจัยให้คนเราหงุดหงิดง่ายขึ้น เป็นเพราะว่า เวลาที่เรากินน้ำตาลเข้าไปมากๆ จะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสและถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ปริมาณน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
.
กฏของร่างกายมีอยู่ว่าถ้ามีปริมาณน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น สมองจะสั่งการให้หลั่งอินซูลินออกมาเพื่อปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลง และตับอ่อนก็จะทำงานหนัก แต่ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้เครียด สมองก็จะส่งสัญญาณเตือนมาอีกและหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลินออกมา ซึ่งถ้ามากเกินไปจะทำให้การควบคุมจิตใจเป็นไปไม่ปกติ เลือดร้อน โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย และก้าวร้าวอีกด้วย
.
พฤติกรรมก้าวร้าว โมโหฉุนเฉียว เชื่อว่าเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมากันโดยไม่รู้ตัว และไม่รู้ด้วยว่าเป็นผลที่อาจเกิดได้จากการกินน้ำตาลมากจนเกินไป ดังนั้นถ้าเรา ปรับลดพฤติกรรมการกินหวานหรือลดการตักน้ำตาลไปบ้าง ก็น่าจะเป็นผลดีกับน้องๆ ทำให้สภาพจิตใจเป็นปกติ สดใสสมเป็นวัยรุ่น และที่สำคัญช่วยลดอาการร่างกาย “ติดหวาน” จนเป็นที่มาของโรคในอนาคตด้วยค่ะ
.
นับวันยิ่งเห็นโทษของการกินของหวานโดยเฉพาะน้ำตาล แม้ว่าความหวานจะทำให้อาหารที่อยู่ตรงหน้าอร่อยขึ้น แต่โทษของมันก็มีมากกว่าที่คิด ไหนจะทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง แล้ว ยังทำให้เราดุ โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย หลายเป็นคนก้าวร้าวอีกต่างหาก ดังนั้นต่อไปนี้ใครบอกว่ากินขนมหวานแล้วอารมณ์ดีขึ้น ต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ เพราะอย่าลืมว่าของหวานทุกชนิดมักใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสม ถ้ากินเยอะเกินไป จะกลายเป็นคนอารมณ์เสียได้นะคะ

กินหวาน โมโหง่าย10 เคล็ดลับ
ควบคุมน้ำตาล

1 กินเป็นประจำ
สิ่งที่ทำให้เกิดความอยากน้ำตาล ร่างกายของคุณต้องการแหล่งคงที่ของพลังงานไม่สูงและต่ำดังนั้นเคล็ดลับแรกของเราในการที่จะควบคุมความอยากน้ำตาล – ไม่ข้ามมื้ออาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารเช้าและให้แน่ใจว่าจะได้รับความอุดมสมบูรณ์ของโปรตีนที่มีเกือบทุกมื้อการรับประทานเป็นประจำจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณมีเสถียรภาพและช่วยให้หลีกเลี่ยงการกระ

2. รักษามันเช่นดีท็อกซ์
ถ้าคุณจะไปสำหรับการลดความรุนแรงในการบริโภคน้ำตาลของคุณแล้วคุณควรจะใช้กระบวนการนี้อย่างจริงจังน้ำตาลเป็นเสพติดและสัปดาห์แรกที่คุณลดน้ำตาลอาจจะมีบิตอึดอัดคุณอาจจะได้สัมผัสกับความอยากจึงได้เตรียมที่สำหรับพวกเขาตัดออกน้ำตาลในเวลาเมื่อคุณเครียดน้อยที่สุดและไม่เพียง

3. ล้างออกล่อลวง
เคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีการควบคุมความอยากน้ำตาลก็คือ – ทำความสะอาดออกตู้เย็นและตู้ของทุกคนถือว่าดึงดูดและของว่างและทำให้ตัดสินใจอย่างมีสติที่จะไม่สต็อกของพวกเขาเมื่อคุณไปช้อปปิ้งการถอดสิ่งล่อใจสำหรับการเข้าถึงง่ายจะทำให้ง่ายขึ้นที่จะเอาชนะความอยาก

4. เตรียมความพร้อมทางเลือกบางอย่าง
ให้เลือกอาหารมื้อเพื่อตุนถือว่าสุขภาพแทนของขนมหวานเลือกบางสิ่งที่ดีต่อสุขภาพที่คุณไม่ชอบเช่นบลูเบอร์รี่, สตรอเบอร์รี่, แอปเปิ้ล, พีช, โยเกิร์ต, ถั่ว, ผลไม้แห้งหรือผสมเส้นทางขนมทางเลือกเหล่านี้จะลดความอยากความหวานและให้คุณเพิ่มสุขภาพที่ดีของพลังงานและสารอาหารที่มากเกินไป

5. การทดสอบกับอาหารอื่น ๆ
ปลายของเราต่อไปเกี่ยวกับวิธีการควบคุมความอยากน้ำตาลและ วิธีการทำลายยาเสพติดน้ำตาล นี้เป็นโอกาสที่จะทดสอบกับอาหารและลองสิ่งที่คุณไม่เคยกินมาก่อน.ทางเลือกในการหาอาหารที่มีน้ำตาลที่ยังคงทำให้คุณรู้สึกดีและให้พลังงานที่คุณต้องการสิ่งที่คุณอาจคิดว่าเป็นความอยากก็อาจจะเป็นผลมาจากนิสัยและแทนที่ขนมหวานกับคนที่มีสุขภาพดีมากขึ้นจะมากขึ้นกว่าไม่อาหารว่างที่ทั้งหมด

6. ผักหวานในอาหารของท่าน
ทุกคนได้รับความอยากอาหารหวาน แต่คุณไม่ได้เกินน้ำตาลที่จะตอบสนองความอยากที่อีกข้อเสนอแนะที่ดีในการที่จะควบคุมความอยากน้ำตาลคือการทำวิธีที่มีสุขภาพดี: เพิ่มความหวานในอาหารของคุณโดยการเพิ่มผักหวานมื้ออาหารของคุณผักเช่นมันฝรั่งหวานกะหล่ำปลีสีเขียวหัวผักกาดและแครอทจะช่วยในการรักษาเสถียรภาพ

7. ใช้น้ำยาบ้วนปากบาง
เมื่อคุณได้รับความอยากที่แข็งแกร่งที่แท้จริงสำหรับน้ำตาลลองทำความสะอาดฟันของคุณและจากนั้นล้างด้วยน้ำยาบ้วนปากบางรสชาติที่แข็งแกร่งของน้ำยาบ้วนปากจะทำให้อาหารที่มีน้ำตาลน้อยดูเหมือนน่าสนใจ

8. ถ้าคุณจะต้องรักษาแล้วทำให้มันเป็นหนึ่งที่ดี
ถ้าคุณไม่สามารถต้านทานการกระตุ้นสำหรับรักษาหวานแล้วซื้ออาหารที่มีคุณภาพดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูงช็อคโกแลตหรือส่วนเล็ก ๆ ของไอศครีมรสเลิศจะตอบสนองความอยากน้ำตาลของคุณจะดีกว่า

9. เคี้ยวหมากฝรั่งน้ำตาลฟรี
การเคี้ยวหมากฝรั่งน้ำตาลฟรีจะช่วยลดความอยากความหวานรักษาก้อนของน้ำตาลหมากฝรั่งฟรีกับคุณและเวลาถัดไปที่คุณกระหายการรักษาหวานเคี้ยวว่าสำหรับขณะที่และมันจะทำให้ความอยาก

10. วิธีการควบคุมความอยากน้ำตาล? ไม่ต้องพึ่งพาสารให้ความหวานเทียม
สิ่งที่ต้องการโซดาอาหารที่มีสารให้ความหวานเทียมไม่ได้ช่วยให้คุณลดความอยากของคุณเพราะพวกเขาหลอกร่างกายของคุณในความคิดที่ได้รับการขัดขวางน้ำตาลในเลือดเช่นเดียวกับยาเสพติดใด ๆ

รู้เคล็ดลับควบคุมน้ำตาลกันแล้ว ลดเสี่ยง!! โรคชุดกัน ดูแลสุขภาพกันต่อไปนะคะ เราจะสวยและสุขภาพดีไปพร้อมๆกันจ้า

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

อาหารบำรุงหัวใจ

อาหารบำรุงหัวใจ

อาหารบำรุงหัวใจ

อาหารบำรุงหัวใจ มาดูแลหัวใจกันด้วยอาหารดีๆนะคะ

อาหารไฟเบอร์สูง เช่นธัญพืช ข้าวกล้อง ผัก และผลไม้

ปลาไขมันสูง เช่น ปลาทู ปลาช่อนปลาทูน่า ปลาสวาย ปลาแซลมอน หรือปลาแมคเคอเรล อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

นมหรือผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำหรือพร่องมันเนย เพราะผลการวิจัยพบว่าแคลเซียมในนม ช่วยควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินไป

น้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

ข้าวหรือแป้งขัดขาวรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งขัดขาว เช่นขนมปังขัดขาว คุกกี้ หรือเค้ก

อาหารเค็ม เพราะเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจ ปริมาณเกลือที่รับประทานในแต่ละวันไม่ควรเกิน 2400 มิลลิกรัม โดยทั่วไปเมื่อเปรียบเทียบอาหารดังต่อไปนี้ปริมาณเท่ากัน คือ 1ช้อนโต๊ะ มีปริมาณเกลือ(มิลลิกรัม)

มากไปหาน้อยตามลำดับดังนี้
เกลือ ( 2000 )
กะปิ (1430 – 1490 )
น้ำปลา (1160 – 1490 )
ซีอิ๋ว (960 – 1460 )
ซอสหอยนางรม (420 – 490 )
และผงชูรส 492

อาหารไขมันสูง เช่นเนื้อสัตวติดมัน ไขมันจากสัตว์ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม

การรับประทาน อาหารบำรุงหัวใจ นั้นจะช่วยทำให้ร่างกายของนั้นของจากจะมีสุขภาพใจที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้ร่างกายของเรานั้นมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

9วิธี ควบคุมตัวเองไม่ให้กินเยอะ

หัวใจสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก นอกจากจะต้องเลือกอาหารที่ดี มีประโยชน์ และแคลอรี่ไม่สูง เราต้องคำนึงถึงปริมาณที่เรากินเข้าไปด้วยค่ะ

เพราะต่อให้เราเลือกอาหารที่แคลอรี่น้อยขนาดไหน แต่ถ้ากินเข้าไปเยอะๆ แบบไม่ยั้ง ก็ทำให้น้ำหนักเราขึ้นได้เหมือนกันนะ ถ้าเราสามารถ ควบคุมตัวเองไม่ให้กินเยอะ ก็จะส่งผลดีต่อน้ำหนักและสุขภาพร่างกายของเราค่ะ

1. เคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย ตอนซื้อของกิน
เราอาจเคยได้ยินมาว่า เวลาหิวๆ ไม่ควรเดินไปในโซนของกิน เพราะจะทำให้เราซื้อนู้นซื้อนี่มาเยอะแยะ จนต้องกินของที่ซื้อมาจนหมด แต่ต่อจากนี้ ไม่ต้องห้ามใจไม่ให้เดินเข้าไปในโซนที่เลี่ยงยากอีกแล้ว ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ คือ ก่อนจะเดินเข้าไปตามร้านขายของกิน หรือในซูเปอร์มาเก็ตโซนที่ขายอาหาร หรือขนม ให้เราเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วยค่ะ เพราะการเคี้ยวหมาฝรั่งจะทำให้ความอยากอาหารของเราลดลง เคล็ดลับนี้ไม่ได้อ้างขึ้นมาเฉยๆ นะคะ เพราะเคยมีการวิจัยออกมาแล้วว่า คนที่เคี้ยวหมากฝรั่งขณะเดินซื้อของกิน จะซื้อขนมที่มีแคลอรี่สูงๆ มาน้อยลง และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ของส่วนใหญ่ที่ซื้อกลับบ้านมา มักเป็นอาหารเพื่อสุขภาพด้วย! แต่ก็ต้องระวังกันสักนิดนะคะ เพราะหมากฝรั่งบางอย่างก็น้ำตาลสูง แนะนำว่าให้เลือกกินแบบ Sugar-free หรือไม่ก็น้ำตาลน้อยๆ ค่ะ

2. ตักอาหารเพื่อสุขภาพใส่จานก่อน
ไม่ว่าเราจะกินอาหารที่บ้านหรือไปกินบุฟเฟ่ต์มื้อหนักๆ ข้างนอก ถ้าเราอยากควบคุมปริมาณอาหารที่กินเข้าไปให้น้อยลง ก็ทำได้ไม่ยากค่ะ ด้วยการ ตักเอาผัก หรือพวกอาหารแคลอรี่น้อยๆ ใส่จานให้เต็มก่อน ทีนี้เราก็จะเหลือพื้นที่สำหรับใส่อาหารแคลอรี่สูงๆ ได้น้อยลงแล้ว

3. เปย์ด้วยเงินสด
การใช้บัตรเครดิต จะทำให้เราซื้ออาหารได้ง่ายขึ้น รูดเอาๆ ก็ได้ของกินมาเพี๊ยบแบบไม่ทันรู้ตัวเลยล่ะ ถ้าเราลองใช้เงินสด และลองพกเงินในกระเป๋าตังค์น้อยๆ ก็จะช่วยให้เราซื้อได้น้อยลง ไม่ใช่ว่ามันลดความยากกินนะ แต่ถ้าซื้อเยอะกว่านี้ คงได้กินแกลบแทนข้าวแน่ๆ เลย

4. ปิดพวกรายการทีวีทำอาหาร
ความมีเสน่ห์ของรายการอาหาร ก็คือ ภาพของอาหารที่มันชวนให้น่ากินเนี่ยแหละค่ะ ถึงกับมีงานวิจัยออกมาแล้วนะคะว่า คนเราจะกินอาหารเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ดูรายการทำอาหารไปด้วย

5. ใช้จาน ชามสีฟ้าลดความอยากอาหาร
เชื่อไหมว่า สีของจานอาหารก็ช่วยลดความอยากอาหารได้ด้วยนะ ซึ่งจานสีฟ้าจะช่วยลดความอยากอาหารของเราได้ค่ะ ใครอยากลดปริมาณอาหารที่กินแต่ละมื้อ ลองเปลี่ยนจานสีสดๆ มาเป็นโทนเบาๆ อย่างสีฟ้าแทนสิคะ

6. ใช้จาน ชามขนาดเล็ก ช่วยทำให้อาหารดูเยอะ ทั้งๆ ที่น้อย
ขนาดของจาน มีความสัมพันธ์กับการกินของเรา ถ้าเราใช้จานใบใหญ่ สมองเราก็จะสั่งการว่า เราต้องกินในปริมาณเท่านี้ และแน่นอนว่า ถ้าใช้จานใบใหญ่ ก็หมายถึงว่าอาหารที่เรากินเข้าไปต้องเยอะตาม เพื่อลดปริมาณอาหาร ไม่ให้ตัวเองกินเยอะเกินไป ขอแนะนำว่าให้ใช้จานใบเล็กๆ ใส่อาหาร และก็กินแค่ที่มีในจานก็พอค่ะ

7. ขอให้การกินเป็นตัวเลือกสุดท้ายเมื่อเราเครียด
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเรากินอาหารได้มากขึ้น ก็มาจากความเครียดในชีวิต เคยได้ยินไหมคะว่า “ยิ่งเครียดยิ่งกินเยอะ” เครียดอะไรมาก็พุ่งเข้าหาของกินไว้ก่อน ด้วยเหตุนี้ เพื่อควบคุมตัวเราไม่ให้กินเยอะมากเกินไป ลองหักห้ามใจตัวเองดูค่ะ พอเครียดปุ๊ป ก็ให้เบี่ยงเบนไปทำอย่างอื่นแทนการกินสักประมาณ 5-10 นาที และลองถามใจตัวเองว่า ยังรู้สึกหิวอยู่หรือเปล่า เพราะบางทีเราอาจจะไม่ได้รู้สึกว่าหิวจริงๆ ค่ะ เราแค่หาทางออกด้วยการกินเท่านั้น

8. เอาขนม ของหวานวางไว้ในที่ไกลจากสายตา
บางทีเรากินนู้นกินนี่บ่อยๆ เพราะเราเห็นมันเป็นประจำก็ได้ เห็นทีก็หิวที เพื่อระงับอาการหิว ก็ควรทำยังไงก็ได้ไม่ให้เราเห็นของพวกนั้นบ่อยๆ นั่นก็คือ เอาของกิน กระปุกของหวาน ไปวางไว้ในที่ไกลสายตา วางในจุดที่เราจะไม่หันไปมองเห็นได้บ่อยๆ มีการทดลองหนึ่งบอกว่า พอให้พนักงานออฟฟิศวางช็อกโกแลตบนโต๊ะ ปรากฏว่า กว่า 45% กินช็อกโกแลตที่อยู่บนโต๊ะมากกว่ากระปุกของหวานที่วางไกลจากที่นั่ง 6 ฟุต และจะกินช็อกโกแลตลดลง 25% เมื่อเอาช็อกโกแลตวางไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานค่ะ เห็นไหมคะว่า การเอาของกินวางไกลๆ สายตาเรา ก็ช่วยลดการกินบ่อยๆ ได้เช่นกันนะ

9. กินช้าๆ และดื่มน้ำเยอะๆ
อีกหนึ่งเคล็ดลับสุดท้าย ที่จะทำให้เรากินได้น้อยลง นอกจากจะตักใส่จานใบเล็กๆ ควบคุมปริมาณให้น้อยลงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำก็คือ ควรกินช้าๆ ค่ะ ก็จะช่วยให้เราอิ่มเร็ว กินได้น้อยกว่ากินเร็วๆ แล้วก็ในระหว่างที่กินอาหาร ก็ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ ด้วย เพราะน้ำจะทำให้รู้สึกอิ่มง่าย

พักนี้ใครรู้สึกว่า ควบคุมเรื่องการกินไม่อยู่ ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูค่ะ เคล็ดลับใกล้ตัวที่ทำได้ไม่ยากเลย แต่เราก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนอดข้าว อดน้ำ หรือกินน้อยเกินไปนะคะ ควรกินให้อยู่ในระดับที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และควบคุมตัวเองไม่ให้กินเยอะกว่าปริมาณปกติค่ะ

 

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด กระบองเพชรอินเดีย
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

8 โรคร้าย! ที่มาพร้อมกับ ความอ้วน

8 โรคร้าย! ที่มาพร้อมกับ ความอ้วน

หลายคนๆ คงจะชอบผลัดวันประกันพรุ่งในการออกกำลังกาย

แม้ปากจะบ่นว่า ✺อ้วน ✺อ้วน ✺อ้วน

แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้าม

8 โรคร้าย! ที่มาพร้อมกับ ความอ้วน

กินเยอะ กินของหวาน แถมยัง ไม่ออกกำลังกาย อีกด้วย

ยิ่งทำให้เริ่มอ้วนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แต่ ความอ้วน ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสุขภาพของเราอีกด้วย เพราะ

ความอ้วน จะนำโรคร้าย ต่างๆ มาสู่เราได้เช่นกัน ไปดูกันดีกว่าว่า ความอ้วน จะพาโรคร้ายอะไรบ้างมาสู่เรา

1. ✺ไขมันในเลือดสูง ซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติของระบบอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าเม็ดไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ยิ่งหนามากขึ้นๆ ถนนของเจ้าเลือดก็เดินไม่สะดวกตามไป ก็เลือดต้องไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกส่วนของร่างกาย และเราก็ขาดเลือดไม่ได้ แน่นอนจะมีปัญหาต่อสุขภาพตามมาอีกมาก ทั้งโรคหัวใจวาย ความดันโลหิตสูง เหนื่อยหอบ มึนงงบ่อยๆ เป็นลม เมื่อเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ดี เซลล์ก็เสื่อมโทรมลง อนุมูลอิสระก็เกิดเร็วขึ้น ทีนี้แหละ แก่เร็วอย่างเห็นได้ชัด

2. ✺ความดันโลหิตสูง เมื่อไขมันเคลือบผนังหลอดเลือด บางจุดอาจตีบมาก หัวใจมีหน้าที่เหมือนปั๊มน้ำ ก็ต้องขับดันเลือดวิ่งไปให้ทั่วร่างกายทุกซอกทุกมุม เมื่อบางจุดโดนบีบให้แคบ แต่ร่างกายต้องการเลือด มันอาจออกแรงผลักดันเลือด อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ถึงแก่ชีวิต หรือพิการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

3. ✺โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประเทศอุตสาหกรรม รวมทั้งประเทศไทยด้วย เนื่องจากไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน หัวใจทำงานเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นกับเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจก็ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด และหัวใจวาย

4. ✺โรคเบาหวาน พบว่าคนไทยเป็นเบาหวานกันประมาณ 3 ล้านคน ลองคิดดูว่าไม่น้อย วันหน้าถ้ายังใช้ชีวิตเผอเรอ มีหวังได้เป็นเบาหวานด้วยอีกคน โรคนี้เป็นเพื่อนคู่ซี้กับโรคอ้วน ที่มักพบควบคู่กันเสมอ เบาหวานนั้นเพราะระบบควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายผิดปกติ เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว ถ้าเกิดเป็นแผลก็มักรักษาไม่หาย กลายเป็นแผลเรื้อรัง บางทีก็เป็นแผลกดทับ ประกอบกับเสี่ยงต่อการติดเชื้อราง่ายขึ้น เพราะมีการอับชื้นของซอกแขน และซอกขามากกว่าปกติ

5. ✺โรคข้อกระดูกเสื่อม โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อเท้า เนื่องจากต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินพิกัด บางคนที่อ้วนมากๆ อาจจะยืนหรือเดินไม่ได้เลย เพราะข้อเท้าไม่สามารถรับน้ำหนักได้ คนอ้วนมากๆ จะเดินก็ลำบาก โยกเยกซ้ายขวา เดินไปเหนื่อยหอบไป

6. ✺โรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากในคนอ้วนมักมีการเคลื่อนไหวน้อย ชอบนั่งหรือนอน ปอดจึงขยายตัวไม่เต็มที่ ทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินหายใจได้มากขึ้น บางครั้งถึงกับมีภาวะการหายใจลดลง หายใจติดขัด ทำให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในปอด คนอ้วนมากเหนื่อยง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา อาจพบภาวะของโรคอารมณ์เศร้าหมองร่วมไปด้วยก็กิน ซึ่งอาจจะช่วยให้อารมณ์ช่วงนั้นดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการทำร้ายตัวเองมากยิ่งขึ้น

7. ✺โรคมะเร็งบางชนิด คนอ้วนมีอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็งได้

8. ✺รคนิ่วในถุงน้ำดี และไขมันแทรกในตับ เมื่อมีไขมันมาก การทำงานของตับก็ลดลง เพราะไขมันเข้าไปแทรกอยู่ จนทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี

8 โรคร้าย! ที่มาพร้อมความอ้วน!!!!!!
1. ไขมันในเลือดสูง
2. ความดันโลหิตสูง
3. โรคหัวใจและหลอดเลือด

4. โรคเบาหวาน

5. โรคข้อกระดูกเสื่อม

6. โรคระบบทางเดินหายใจ

7. โรคมะเร็งบางชนิด

8. โรคนิ่วในถุงน้ำดี และไขมันแทรกในตับ

ความอ้วน สามารถนำโรคร้ายต่างๆมาสู่เราได้เยอะมากค่ะ ใครที่อวบระยะสุดท้ายควรรีบลดน้ำหนักก่อนที่โรคต่างๆจะถามหาเอานะคะ

ลดน้ำหนักง่ายๆ เห็นผลจริง ทักมาเลยค่ะ ทุกคำถามของคุณเรามีตอบทุกคำถาม Denim Plus วันละเม็ด

 

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

 

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

อ้วนลงพุงอันตรายกว่าที่คิด

เผาผลาญไขมัน

อ้วนลงพุงอันตรายกว่าที่คิด

อ้วนลงพุง หรือการมีไขมันช่องท้องอันตรายที่สุด  แม้ว่าเราจะมีน้ำหนักปกติก็ อย่าได้วางใจ อย่าคิดว่าเราไม่เป็นโรคอย่างแน่นอน เราอาจจะคิดผิดไปก็ได้ เพราะถึงแม้ว่าน้ำหนักตัวของเราจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่กลับมีพุงยื่น

ลองวัดเส้นรอบเอวดูว่าเรามีภาวะอ้วนลงพุงหรือไม่ วิธีการง่ายง่ายคือส่วนสูงหารด้วยสอง แล้วพบว่าค่าที่ได้ถ้าเกินครึ่ง ถือว่าเริ่มมีภาวะอ้วนลงพุง หรือเส้นรอบเอวผู้หญิงเกิน 80 เซนติเมตร และผู้ชายเกิน 90 เซนติเมตร

ขอให้ทราบไว้เลยว่าภัยร้ายกำลังจะคืบคลานเข้ามาโดยที่เราอาจจะยังไม่ทันได้ตั้งตัวจะรู้อีกทีก็เป็นโรคไปเสียแล้ว

ไขมันในช่องท้องเป็นไขมันที่สามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดและไปสะสมที่อวัยวะต่างๆได้เมื่อไขมันไปสะสมที่อวัยวะต่างๆจะส่งผลดังต่อไปนี้

ผลต่อสมอง ไขมันสะสมตามผนังเส้นเลือดขวางการไหลเวียนเลือดทำให้เกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบอาจเสียชีวิตกระทันหัน

ผลต่อปอด ไขมันในช่องท้องที่มากขึ้นทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่มีผลทำให้ระบบหายใจผิดปกติอาจนำไปสู่การหยุดหายใจขณะหลับได้

ผลต่อหัวใจ อาจทำให้ไขมันอุดตันในหลอดเลือดทำให้หัวใจต้องสูบฉีดแรงขึ้นหากรุนแรงมากอาจทำให้หัวใจวายได้

ผลต่อตับ ไขมันช่องท้องขัดขวางการเผาผ่านน้ำตาลในเซลล์ตับอ่อนจึงทำงานหนักในการผลิตอินซูลินส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน

ผลต่อถุงน้ำดี ไขมันในช่องท้องที่มีมากมีผลทำให้น้ำดีมีสภาพคนและเกิดนิวในถุงน้ำดีได้ง่าย

ผลต่อหัวเข่า ไขมันในช่องท้องทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นพวกเขาต้องรับน้ำหนักมากขึ้นอาจทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม

ภาวะอ้วนลงพุงสามารถแก้ไขได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ลดอาหารทอด อาหารมัน เลือกกินอาหารประเภท ต้ม ยำ อบ หรือนึ่ง แทน ร่วมกับการเพิ่มกิจกรรมทางกายง่ายๆ เช่นการเดินเร็วครั้งละ 10 นาที วันละ3ครั้ง หากพื้นที่จำกัด การแกว่งแขนวันละ 30 นาที ก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผล หากเรามีความตั้งใจจริง ปฏิบัติถูกต้องและสม่ำเสมอ สุขภาพที่แข็งแรงเราสามารถปฏิบัติได้ด้วยตัวเราเอง

ฉะนั้นจงจำไว้เสมอว่า กินให้เท่ากับการเผาผลาญ หากเราไม่ออกกำลังกายจะมีพลังงานเหลือ ใช้เป็นไขมันรอบรอบพุง พร้อมทั้งเกิดผลต่ออวัยวะต่างๆ ดังได้กล่าวไปแล้วข้างต้น

 

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

ชาเขียวกำจัดหน้าท้อง

ชาเขียว

สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว
ไม่เพียงช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่างๆเท่านั้นแต่ยังช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย

ผลการวิจัยพบว่าผู้ออกกำลังกาย ซึ่งดื่มชาเขียววันละ 4 ถ้วย เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยให้ไขมันหน้าท้องลดลงมากกว่าผู้ที่ออกกำลังกายเหมือนกัน แต่ดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอื่นๆ ถึง 8เท่า นักวิจัยเชื่อว่า เป็นเพราะสารในชาเขียว ช่วยเร่งให้ไขมันสลายไปเร็วขึ้น

TIP นักวิจัยในญี่ปุ่นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดจับตัวการซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอุดตันใน Siri เลือดโดยผลการวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละห้าขวดเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองลงได้ 62 เปอร์เซ็นต์

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

กฏเหล็กลดไขมัน

ลดไขมัน

1. ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง (เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล อาทิเช่น ขนมปัง ขนม น้ำผลไม้ น้ำปั้น )

Tip. การดื่มน้ำผลไม้คือเรื่องที่ผิดเพราะน้ำตาลสูงถ้าเลือกกินขอกินแบบเป็นผลดีกว่า

2. งดของมัน ทอด ถ้างดไม่ได้ก็ลดไปทีละนิด
Tip. เนื้อสัตว์ติดมัน ของชุบแป้งทอด

3. ให้มีผักในทุกๆมื้อ มีกากใบช่วยดัดไขมันได้ ช่วยการขับถ่ายท้องยุบ มีวิตามินช่วย
Tip. ผักกินได้เยอะกินเท่าไรก็ได้ แต่ล้างให้สะอาด ใครที่ไม่กินผักก็กินโยเกิร์ลได้ช่วยขับถ่าย (ดูฉลากเรื่องน้ำตาลและแคลลอลี่ดีๆ)

4. กินมื้อเช้าเพื่อกระตุ้นการเผาพลาญเต็มสูบ
Tip. กินมื้อเช้าช่วยให้เริ่มการเผาพลาญให้พลังงานแก่สมอง และจะไม่หิวโหยให้มื้อต่อๆไป

5. อย่าอดมื้อเย็นและกินระยะห่างก่อนนอน3-6ชม
Tip. มื้อเย็นควรงดเด็ดขาดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล ควรทานอาหารที่มีโปรตีน เน้นไก่ ปลา

6.หิวระหว่างวันกินไรดี?? กินผลไม้ที่มีแคลน้อยเช่น แก้วมังกร แตงโมง แคนตาลูป ฝรั่ง และน้ำเปล่า ถั่ว1กำมือ

7. กินน้ำเยอะร่างกายยิ่งไม่บวม ช่วยการเผาพลาญ ผิวชุ่มชื่น จางโซเดียม ลดอาการบวมน้ำ

8. ออกกำลังกายต่อเนื่อง40นาทีขึ้นไป เหงื่อออกเยอะไม่ใช่ไขมัน ไขมันไม่ขับทางเหงื่อ ร่างกายจะเอาไขมันมาใช้ในเวลา40นาทีขึ้นไป

9. ตั้งเป้าหมายที่ละน้อยๆ เช่น ทีละ3โล

10. เพื่อนชวนแดกอย่าไป 55++ ไม่มีใครยอมเสียค่าบุฟเฟต์แพงๆเพื่อไปแดกผักต้มหรอก

11. กินของที่อยากกินได้ 1 มื้อ ต่อสัปดาห์ (ถ้าไม่กินก็จะเห็นผลเร็วกว่านี้)

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

ธัญพืชลดเสี่ยงโรคหัวใจ

ธัญพืชลดเสี่ยงโรคหัวใจ

กินธัญพืชทุกวัน
ธัญพืชจัดเป็นอาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำทุกวัน

ผลงานวิจัย7ชิ้น ที่ทำวิจัยกับอาสาสมัครกว่า 285,000คน

พบว่าผู้ที่รับประทานธัญพืชวันละ 2 ถ้วยครึ่ง หรือขนมปังโฮวีทประมาณ2แผ่น มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคหัวใจลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่รับประทานธัญพืชในแต่ละวันน้อยกว่านั้นหรือไม่รับประทานเลย

สำหรับคนที่รับประทานข้าวเป็นหลักวิธีในที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องหารับประทานเพิ่มขึ้นก็คือ เปลี่ยนมารับประทานข้าวกล้องซึ่ง เพียงพอจะช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้นแล้ว

‼️TIP : การรับประทานข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ อาหารมื้อเช้าวันละ9กรัม ช่วยให้ผนังหลอดเลือดของผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่าปกติ มีคลอเรสเตอรอลสูง เป็นเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง ขยายตัวเพิ่มขึ้น 40เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเท่ากับลดอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจวาย ลงไปด้วยนั่นเอง

 

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

มะเขือเทศเสริมกระดูก

มะเขือเทศ

 

มะเขือเทศได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่มีสารต้านอนุมูนอิสระไลโคปีนสูงโดยผลวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไลโคปีนสูงเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงสูงวัยช่วยป้องกันไม่ให้มวลกระดูกลดลงจากมะเขือเทศ ผักผลไม้อื่นที่มีหลายคบปีนสูงได้แก่แตงโมฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ เป็นต้น

สรรพคุณของมะเขือเทศ

1. ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%
2. ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
3. ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน
4. ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
5. มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ
6. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
7. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
8. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
9. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
10. ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก
11. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเชื้อราที่ปาก
12. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
13. ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% หากรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ
14. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง
15. ซอสมะเขือเทศช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังจากการหกล้มหรือถูกมีดบาดได้

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน
2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย
3. น้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
4. ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
5. มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนชวยบำรุงสายตา
6. มะเขือเทศมีเบตาแคโรทีนและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก
7. มะเขือเทศช่วยในการรักษาสิว ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
8. ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
9. มะเขือเทศใช้นำมาทำเป็นน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ขึ้นชื่อก็คือน้ํามะเขือเทศดอยคํา
10. เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่าง ๆ เป็นต้น
11. ซอสมะเขือเทศหมักผม ด้วยการใช้มะเขือเทศหมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีน
12. ซอสมะเขือเทศนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นโปรดของคุณให้เงางามเหมือนเดิมได้ ด้วยนำซอสมะเขือเทศมาถูแล้วล้างน้ำออก
13. ซอสมะเขือเทศช่วยในการดับกลิ่นคาว เศษอาหาร กลิ่นปลาสลิดได้เหมือนกันนะ เพียงแค่เปิดฝาซอสทิ้งไว้ 1 คืนเท่านั้น

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง