Posted on Leave a comment

สุขภาพดีเพราะ “เชอรี่ไทย”

เชอรี่ไทย

สุขภาพดีเพราะ “เชอรี่ไทย”
โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช

ประโยชน์มากกว่าส้ม 50 ลูก! ผลไม้ไทยมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร หนึ่งในความพิเศษนั้นคือรสชาติที่ให้ความเป็นไทยๆและความเป็นตะวันออกอย่างชัดเจน ผลไม้ต่างชาติอาจให้กลิ่นรสที่แปลกน่าสนใจซึ่งหลายท่านบอกว่าเหมาะกับการเอามาปรุงอาหารฝรั่ง อย่างเมนูเบเกอรี่ต่างๆ
แต่ผลไม้ไทยนั้นมีความพิเศษอยู่ตรงที่จะเอามาทำของหวานแบบไทยๆ ก็แสนจะเข้ากัน หรือถ้าเลือกให้ดีเอามาทำขนมฝรั่งก็ยังได้ แถมอร่อยดีมากเสียด้วย
เพราะรสชาติผลไม้ไทยมีความหวานและเปรี้ยวแบบกลมกล่มอยู่ในตัว ซึ่งรสเช่นนี้ มีมากในผลไม้ที่ชาวบ้านฝรั่งทั่วไปเรียก “เบอรี่” ซึ่งก็จะมีชื่อที่ท่านที่รักนึกออกแน่ๆอย่าง สตรอเบอรี่,ราสพ์เบอรี่,บลูเบอรี่,โกจิเบอรี่,แครนเบอรี่รวมถึง “ผลกาแฟ” ที่ สีสดสวยก็ถือเป็นเบอรี่ด้วยนะครับ ฝรั่งจึงเรียกผลไม้ไทยหลายอย่างที่มีรสดังว่า เบอรี่ไปด้วย อย่างมะยม(Star gooseberry),ลูกหม่อน(Mulberry),ลูกหว้า,มะเม่า,ตะขบ ฯลฯ

มีลูกไม้ไทยอีกอย่างหนึ่งซึ่งสมัยก่อนรู้จักกันมากจนมาถึงสมัยนี้ก็มีการศึกษาว่ามีคุณสมบัติไม่แพ้เบอรี่ที่ว่าราคาแพงๆ เลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญคือปลูกได้
ในบ้านของเราเอง มีรสชาติดีมากครับ

มีชื่อน่ารักว่า “เชอรี่ไทย” ได้รู้จักแล้วจะรัก
พอพูดชื่อนี้หลายท่านคงหลับตาเห็น แต่ก็อีกหลายท่านเช่นกันที่ยังนึกไม่ออก เพราะในปัจจุบันมันถูกเอามาเพิ่มมูลค่าด้วยการเรียกชื่อฝรั่งเช่นเดียวกับผลไม้ไทยอีกหลายอย่างที่ต้องตั้งชื่อเป็นฝรั่งแล้วขายแพง

เชอรี่ไทยมีอีกชื่อว่าบาแบโดสเชอรี่หรือ “อะเซโรล่า เชอรี่(Acerola cherry)”
ถึงตรงนี้ท่านที่นิยมอาหารเสริมบางยี่ห้อคงนึกออกทันที เพราะเชอรี่ไทยถูกฝรั่ง
เอาไปสกัดเป็น “วิตามินซีเสริม” ที่มีทั้งแบบผสมน้ำและแบบเม็ดรับประทานง่าย
จริงแล้วจะว่าเป็นของไทยเสียทีเดียวก็ไม่เต็มปากนัก เพราะเชอรี่ไทยมีต้นกำเนิดอยู่แถบทวีปอเมริกาใต้โน้นแต่ถูกนำข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาปลูกในทวีปเอเชีย ของเรามานานแล้วครับเลยถูกเรียกว่าเชอรี่ไทย ในแถบประเทศเพื่อนบ้านเรา อย่างเวียตนามก็มีและเอามาขายเพื่อรับประทานกันอย่างผลไม้ทั่วไปด้วย ความเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟันทำให้มันถูกเอามาแปรรูปเพื่อให้กินง่ายขึ้น ซึ่งเมนู ที่เหมาะกับความเปรี้ยวทะลุเหงือกเช่นนี้หนีไม่พ้น ของหวานจำพวกไอศกรีมเชอร์เบท(รสเปรี้ยวใช้รับประทานล้างปากระหว่างมื้ออาหารฝรั่งเศส),พาย,เค้ก,พุดดิ้งหรือน้ำปั่นที่ใช้ดื่มชื่นใจได้

นอกจากนั้นยังใช้หมักทำไวน์รสดีได้อีกด้วย ผลเชอรี่ไทยมีขนาดพอๆ กับลูกเชอรี่ สีแดงสวยของฝรั่งจริงๆ แต่สีของมันต่างกันออกไปตามความสุก โดยในช่วงยังอ่อนจะเป็นสีเหลืองต่อมาค่อยมีเหลือบแดงแล้วกลายเป็นสุกแดงทั่วกันทั้งลูก ต้นของมันค่อนข้างเตี้ยครับ อยู่ในเกณฑ์ที่เอื้อมเด็ดได้ ซึ่งเมื่อเชอรี่ไทยสุกพร้อมๆ กันจะสวยน่ารักน่าชมมาก

หลายบ้านจึงปลูกไว้เป็นไม้ประดับ ญี่ปุ่นถึงกับจับมาทำบอนไซ
เป็นไม้ประดับกินได้แสนคุ้มค่า เพราะประโยชน์ที่มีอยู่ในลูกเชอรี่ไทยรสเปรี้ยวตาหยีนี้ มีที่พิเศษต่างจากผลไม้อื่นและเป็นคุณสมบัติของพืชกลุ่มเบอรี่ก็คือ

วิตามินซีธรรมชาติ นปริมาณสูงมากหากเปรียบให้เห็นภาพก็มากกว่าส้มสด
นับสิบๆ เท่าเลยทีเดียวต่อเชอรี่ไทยเพียงขีดเดียวเท่านั้น

กลุ่มวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน,ไลโคปีน และแคโรทีนอยด์ซึ่งเป็นญาติของวิตามินเออีกมากชนิดที่อยู่ในลูกเชอรี่ไทยที่สุกพร้อมกิน

สารต้านอนุมูลอิสระชนิดพิเศษ ได้แก่ กลุ่มโพลีฟีนอลส์ ฟลาโวนอยด์
ซึ่งเป็นสารพระเอกแบบเดียวกับในไวน์องุ่นราคาแพงนั่นคือ “เรสเวอราทรอล”

สารเคมีลดน้ำตาล ตัวช่วยอ่อนหวานตัวนี้มีชื่อว่า “คลอโรจีนิก
(Chlorogenic acid)” เป็นกรดตัวหนึ่งในลูกไม้เปรี้ยวนี้ ช่วยคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดโดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานประเภที่ 2 (เบาหวานในผู้ใหญ่)

แร่ธาตุสำคัญ อย่าง โพแทสเซียม,แคลเซียม,ฟอสฟอรัส,ธาตุเหล็ก ที่ช่วยปรับสมดุลย์ให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ และเหมาะสำหรับผู้ที่มี “โลหิตจาง”
ด้วยครับ

ข้อดีของผลไม้อย่างเชอรี่ไทยมีอยู่มากดังที่กล่าวไป แต่จุดอ่อนของผลไม้ประเภทเบอรี่ที่มีเหมือนกันทั่วโลกคือ “บอบบางและช้ำง่าย” ดังนั้น จึงอาจเน่าเสียได้ง่าย ไม่เหมาะกับการขนส่งสมบุกสมบันทางไกล ชาวตะวันตกจึงมักเอามาถนอมโดยกวนเป็น “แยม” ส่วนคนไทยก็คล้ายกันคือ ทำในสิ่งที่เป็น paste คือ อาหารประเภทใช้ทาหรือคลุกรับประทานนั่นคือ “น้ำพริก” ครับ เช่นน้ำพริกมะยม,น้ำพริกมะนาวโห่,น้ำพริกอ่อง หรือน้ำพริกมะขามป้อมก็ยังได้ คนไทยดัดแปลงอาหารได้เก่งและอร่อยไม่แพ้ใครครับ

ประโยชน์มากกว่าส้ม 50 ลูก! และมวลมหาสรรพคุณครอบจักรวาล
เชอรี่ไทยเป็นของใกล้ตัวคนไทยมานาน เพียงแต่เรารู้สึกว่าเป็นของประดับหรือของกินเล่นเลยไม่ค่อยได้นำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง
ทั้งที่จริงแล้วมันคือ ยาประจำบ้านขนานเอก
ใช้บำบัดได้หลายโรค ช่วยทุเลาได้หลายอาการและแทนยาฝรั่งได้หลายขนานครับ ดังจะขอยกตัวอย่างปัญหาใกล้ตัวต่อไปนี้
ใครมีปัญหา “ริดซี่” หรือท้องผูก เชอรี่ไทยช่วยได้ เพราะมันให้สารที่ช่วยสมานแผลและหลอดเลือดให้ไม่เปราะแตกง่ายโดยเฉพาะกระเปาะเส้นเลือดพองของริดสีดวง ซึ่งสารพิเศษนั้นคือ วิตามินซีที่มีมากกว่าส้มสดถึง 65 เท่าและ
ไบโอฟลาโวนอยด์ที่ช่วยทำงานให้หลอดเลือดและระบบไหลเวียนเลือดเป็นปกติ นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ช่วยเรื่องการขับถ่ายด้วยครับ

ใครนอนไม่หลับกระสับกระส่าย เชอรี่ไทยช่วยได้นะครับ เพราะวิตามินซีที่สูงลิบ
ในตัวมันช่วยเกี่ยวกับวงจรการนอนหลับในสมอง นอกจากนั้น “โพแทสเซียม”
เป็นแร่ธาตุที่มีอยู่มากในแต่ละผลจะช่วยให้หัวใจของท่านเต้นเป็นจังหวะ
คุมความดันให้สงบ ช่วยทำให้ท่านหลับสบายมากขึ้นครับ

เชอรี่ไทยยังถือเป็นผลไม้แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เพราะมันมีสารช่วยสร้าง “สมอง” และระบบประสาทให้ลูกน้อยตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง ช่วยป้องกันปัญหาไขสันหลังเปิด หรือโรคที่มีผลต่อสติปัญญาแต่กำเนิดได้ ทำให้สมาชิกคนใหม่
ที่กำลังจะถือกำเนิดมาสมบูรณ์แข็งแรงแบบ “แม่ให้มา” เลยครับ

สำหรับใครที่มีอาการปวดศีรษะ ปวดประจำเดือนบ่อย ไปจนถึงปวดเมื่อยตามร่างกาย เชอรีไทยมีคุณสมบัติที่ดีช่วยลดอาการทั้งหลายที่ว่านี้ได้เพราะมันมี
“เคมีแก้ปวด” ที่ให้ผลเช่นเดียวกับยาแก้ปวดชื่อดังอย่าง “แอสไพริน” ที่ลดปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญมันยังช่วยลดปวดเมื่อยตัวจากอาการไข้หวัดเจ็บคอ
ได้ด้วย

มีการศึกษาชี้ว่ามันช่วยลดการบาดเจ็บจากบาดแผลตามที่ต่างๆในร่างกาย ไม่ว่าจะแผลสด,แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกหรือฟกช้ำจากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะสาวๆ ที่
ไม่อยากให้ได้ “แผลเป็น” เป็นของแถม เชอรี่ไทยก็ช่วยได้ครับ

ยัง—ยังไม่สุดครับ ยังมีมวลมหาประโยชน์จากเชอรี่ไทยอีกในกรณีที่มีอาการ
“วัยทอง” ด้วย โดยทีมของวิตามินกับแร่ธาตุที่มีอยู่หลากชนิดรวมทั้งธาตุเหล็ก,ฟอสฟอรัสและแคลเซียมจะจับมือกันร่วมเป็นด่านหน้าในการต้านชราจากจุดเริ่มต้นข้างในร่างกายเราเลยครับ เรียกว่าช่วยต้านชราตั้งแต่ในระดับเซลล์จิ๋วของ
ตัวเราที่มองไม่เห็นนจนทำให้อาการวัยทองที่ทำให้เพลียหัวใจทั้งหลายทุเลาลง โดยเฉพาะอาการอ่อนล้าและหงุดหงิดง่ายที่สาวๆ หลายท่านเริ่มมาเป็นเอาช่วงเลือดจะไปลมจะมา

ไม่เว้นแม้โรคร้ายที่สุดอย่างมะเร็งที่เจ้าผลไม้จากแดนไกลแต่หาได้ในบ้านเรายังใช้ช่วยชีวิตได้ ด้วยพลังต้านอนุมูลอิสระของมันนั้นสูงลิ่วพอๆ กับผลไม้พระเอกอมตะอย่างองุ่นดำ หรือเชอรี่ที่ฝรั่งแนะนำเลย เชอรี่ไทยมีมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งตั้งแต่เพิ่งเริ่มตั้งไข่ โดยเฉพาะเซลล์มะเร็งชนิดที่เป็นผู้ก่อการร้ายใน กระเพาะอาหาร,ลำไส้และตับ ครับ ช่วยลดการอักเสบที่ตับเหมาะสำหรับท่านที่มีความเสี่ยงมะเร็งอย่าง “พาหะไวรัสตับอักเสบ”

สุดท้ายนี้เทคนิคดีๆ ที่จะทำให้เชอรี่ไทยได้ประโยชน์กับท่านที่สุดก็คือ
การรับประทานอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งท่านสามารถทำได้แน่นอนครับ(ถ้าปลูกต้นเชอรี่ไทยไว้เองที่บ้าน) เพราะมันถือเป็นผลไม้ “ไม่อ้วน” เมื่อเทียบกับผลไม้อีกหลายชนิด ทำให้ท่านรับประทานเชอรี่ไทยเป็นของว่างได้อย่างสบายใจไม่ต้องห่วงน้ำตาลหรือพลังงานส่วนเกินที่จะมาสะสมเหมือนมันฝรั่งทอดหรือขนมของว่างอื่นๆ
แม้มันจะมีรสเปรี้ยวจับใจแต่ท่านสามารถเอามาดัดแปลงทำเป็นของว่างอร่อยๆได้ง่ายมาก อย่างในเด็กที่ไม่ชอบเปรี้ยวแต่อยากหยิบเชอรี่ไทยมารักษาภูมิแพ้แก้หวัดฟุดฟิดให้ ท่านก็นำมาทำสมูทตี้คือน้ำปั่นเชอรี่ไทยให้รับประทานเย็นๆ ดีคล้ายไอศกรีมเชอร์เบทแบบฝรั่งเศสที่เล่าไป จะใส่น้ำผึ้งลงไปให้เปรี้ยวๆ หวานๆ หน่อย ก็อร่อยครับ

แค่รับไปปลูกที่บ้านสักต้นสองต้น เป็นผลไม้ประจำครอบครัวดีมากนะครับ

ขอบคุณบทความดีๆ จาก
นพ.กฤษดา ศิรามพุช,พบ.(จุฬาฯ)
ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
American Board of Anti-aging medicine

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *