Posted on Leave a comment

►ขาดไปก็กินเพิ่ม‼️

ขาดไปก็กินเพิ่

‼️ ✺สัญญาณต่อไปนี้ แสดงให้รู้ว่า ร่างกายกำลังขาดสารอาหารบางอย่าง

ซึ่ง ไม่ควรชะล่าใจ เพราะอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่โตสุขภาพในภายหลังได้

►ผิวแห้ง ►ผมแห้ง ►ผิวหนังอักเสบ ►เล็บเปราะบาง

ปัญหา : ขาดโอเมก้า3
♥️อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น :
ปลาไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาสวาย ผักใบเขียวเข้ม ถั่ว งา เมล็ดฟักทอง ธัญพืช ถั่ว สาหร่าย ถั่ วเหลือง

►จุดสีขาวบนเล็บ ►ผมร่วงแผลหายยาก
ปัญหา : ขาดธาตุสังกะสี
♥️อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น :
ถั่วเหลือง ถั่ว ธัญพืช เมล็ดฟักทอง
เมล็ดทานตะวัน เนื้อไร้ไขมัน ปลา ไก่ นม ชีส ไข่แดง

►อ่อนเพลีย ►ลิ้นเลี่ยนแดงเป็นมัน
ปัญหา : ขาดธาตุเหล็ก
♥️อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น:
ตับ เนื้อ ไก่ ปลา ธัญพืช ผักโขม ถั่ว รวมถึงอาหารที่มีวิตามินซีสูง
เช่นผลไม้รสเปรี้ยว เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น

►เล็บแยกปวดกล้ามเนื้อ
ปัญหา: ขาดแคลเซียม
♥️อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น:
นม โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว ถั่วเหลืองเต้าหู้ ปลาแซลมอน อัลมอนด์

►เป็นตะคริว
ปัญหา : ขาดแมกนีเซียม
♥️อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น:
ถั่ว งา เมล็ดฟักทอง ข้าวโอ๊ต ผักใบเขียว

►เล็บนิ่มและเป็นรอน เหงือกร่น
ปัญหา : ขาดโปรตีน
♥️อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น:
เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จาก นมถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้
น้ำถั่วเหลือง ธัญพืช ถั่ว

►เปลือกตาด้านล่างเป็นสีขาวหรือชมพูอ่อน
ปัญหา : ร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
♥️อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น:
แครอท ผักโขม บีตรู้ต ถั่วเหลือง อัลมอนด์

►ปากเปื่อย ►ตาแห้ง
ปัญหา : ขาดวิตามินเอ
♥️อาหารที่ควรรับประทานเพิ่มขึ้น :
นม ไข่แดง ผักโขม แครอท มะม่วงฟักทอง มันเทศ

ส่งต่อความปรารถนาดี by Ammie @club.agirl สวยทั้งภายในและภายนอก

#789beauty สวยครบ จบที่นี่

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส

Posted on Leave a comment

การหัวเราะ มีประโยชน์มากกว่าที่คิด

การหัวเราะ

ประโยชน์ในการหัวเราะ

เสียงหัวเราะถือเป็นยาขนานเอก ที่ทุกคนมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเราจะหยิบออกมาใช้หรือไม่ หรือบ่อยแค่ไหน ยิ่งในสังคมปัจจุบันที่ต้องเร่งรีบ พบเจอกับความเครียดเป็นประจำความวิตกกังวลต่างๆ อาจทำให้จิตใจเราเศร้าหมอง ขาดชีวิตชีวาในการดำเนินชีวิต บทความนี้มีสาระดีๆ เกี่ยวกับประโยชน์จากการหัวเราะ มาฝากกันจ้า

1.การหัวเราะทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ คนเราเมื่ออารมณ์ดีจะทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ ในงานวิจัยจากคณะจิตวิทยามหาวิทยาลัยโตรอนโตแคนาดา บอกว่า อารมณ์ของเราน่าจะมีผลต่อการประมวลผลข้อมูลของสมอง ถ้าอารมณ์ดี จะช่วยขยายความคิดสร้างสรรให้กว้างขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าอยู่ในอารมณ์หวาดวิตก ถึงเครียดหรือ แม้แต่ความมุ่งมั่นมากเกินไป จะมีผลต่อความคิด จะมีผลต่อความคิด จะหดเข้ามา อารมณ์ดีหรือไม่ดี มีผลต่อกระบวนการคิด และแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ของคนเรา

2.การหัวเราะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด เมื่อหัวเราะร่างกาย จะหลั่งสารชีวเคมีตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ❝endorphin ❞ หรือเรียกว่า “เพชฌฆาตความเจ็บปวด ” หรือสารที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดความสุข ส่งผลทำให้อารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน สมองก็จะมีการถูกกระตุ้น ให้เพิ่มพื้นที่การประมวลผลความคิดในเชิงบวก และสร้างสรรค์ มีผลทำให้ร่างกายและจิตใจได้รับการบำบัด และฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว คนป่วยที่อารมณ์ดีจะหายป่วย ได้เร็วกว่า คนป่วยที่อารมณ์ไม่ดี

3.การหัวเราะแก้โรคซึมเศร้า การหัวเราะจะช่วยทำให้ร่างกายหลั่งสารสื่อประสาทชื่อว่า ซีโรโทนิน (Serotonin) และ ดูพามีน (Dopamine) เพิ่มมากขึ้นทำให้จิตใจสงบเยือกเย็นผ่อนคลาย

4.การหัวเราะเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค เมื่อหัวเราะร่างกายมีการหายใจเข้า การหายใจออก และหัวเราะหายใจออกยาวๆ ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนถ่ายออกซิเจน ฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดง จะทำให้เซลล์ประสาท หัวใจปอด คอ แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้การหัวเราะยังช่วยบริหารร่างกาย ให้เกิดความร้อนและการเผาผลาญ พลังงานสูง ช่วยฆ่าเชื้อโรค และป้องกันโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งไข้หวัดภูมิแพ้ หอบหืด ไซนัส กรน ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคปอด

5.การหัวเราะช่วยลดน้ำหนักและลดโรคทางเดินอาหาร เวลาเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า ❝คอร์ติซอล ❞(coltisol) ออกมา ทำให้เกิดความรู้สึกอยากอาหาร และกินมากขึ้น การหัวเราะ 30 วินาที ถึง 5 นาที 10 ครั้งต่อวัน จะช่วยให้ความอยากอาหารลดลง การหัวเราะช่วยให้อวัยวะส่วนท้อง อาทิ ลำไส้ใหญ่ ตับ ไต ไส้ กระเพาะ มีการเคลื่อนไหว เกิดการบริหารกระเพาะและลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหาร และการขับถ่ายดีขึ้น ป้องกันโรคอ้วนท้องผูก ท้องเสีย โรคกระเพาะโรคลำไส้ เป็นต้น

6. การหัวเราะบริหารหัวใจ การหัวเราะเป็นการออกกำลังทุกส่วน ของร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆได้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ เร็วบ้างช้าบ้าง หัวใจสามารถสูบฉีดเลือด ไปเลี้ยงส่วนต่างๆมากขึ้น หัวใจทำงานเป็นระบบขึ้น ป้องกันอาการเวียนศรีษะ ปวดศีรษะ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เหนื่อยง่าย เหนื่อยเร็วเจ็บแน่นหน้าอก โรคขาดเลือด เส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคหัวใจการหัวเราะเพียง 15-20 นาที ในแต่ละวัน ช่วยทำให้หัวใจได้ออกกำลังกาย 3- 5 นาทีถือเป็นการบริหารหัวใจง่ายๆ ที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ที่นอนอยู่บนเตียง และเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้

ประโยชน์ของการหัวเราะมีมากมายขนาดนี้ เรามาลองเปลี่ยนตัวเอง เป็นคนยิ้มง่าย หัวเราะง่าย ไม่เครียดกันดีกว่านะคร้า เริ่มที่ตัวเรา ขยายไปคนใกล้ชิด คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงานสังคมของเราก็จะน่าอยู่มากขึ้นนะจ้า

Posted on Leave a comment

สูตรเด็ด น้ำจิ้มปลาหมึกแห้งบดย่าง

ปลาหมึกแห้งบดย่าง

สูตรเด็ด น้ำจิ้มปลาหมึกแห้งบดย่าง

หากลงทุนซื้อเครื่องบดปลาหมึกได้ เมนูนี้ก็ไม่มีอะไรยากเลยค่ะ เน้นที่น้ำจิ้มอย่างเดียว สำหรับ ปลาหมึกแห้งบดย่าง ที่ใครๆ ก็ต่างพากันนึกถึงสตรีทฟู้ด ตลาดนัดยามค่ำคืน เชื่อว่าหลายๆ คนตอนเป็นเด็กต้องชอบกิน แล้วต้องไปยืนมุ่งดูพ่อค้าบดปลาหมึก จนอยากช่วยเขาบดเพราะเห็นแล้วมันน่าสนุกจริงๆ
สูตรเด็ด น้ำจิ้มปลาหมึกแห้งบดย่าง

ส่วนผสม

• ปลาหมึกแห้ง
• น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
• น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย
• น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย
• น้ำกระเทียมดอง 1/4 ถ้วย
• เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
• น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
• ถั่วลิสงคั่วบด
• พริกป่น

วิธีทำ
1 นำปลาหมึกแห้งมาย่างจนหอม จากนั้นก็นำไปบดด้วยเครื่องจนตัวปลาหมึกบาง

2 จากนั้นก็มาทำน้ำจิ้ม โดยตั้งหม้อใส่น้ำและน้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำกระเทียมดอง เกลือป่น และน้ำส้มสายชู คนจนทุกอย่างเข้ากันดี

3 นำน้ำจิ้มใส่ถ้วย แล้วโรยด้วยถั่วลิสงคั่วบดและพริกป่น เสิร์ฟพร้อมกับปลาหมึกได้เลยค่ะ

เรียบเรียงโดย Food MThai

Posted on Leave a comment

กินคาร์โบไฮเดรตเยอะทำให้อ้วนจริงเหรอ⁉️

คาร์โบไฮเดรต

?✦ทานคาร์โบไฮเดรตอย่างฉลาด ❝ไม่มีอ้วน ❞

อย่างที่เราเคยเรียนกันมาสมัยเด็กๆ อาหารหมู่สองจากอาหาร 5 หมู่ที่จำเป็นต่อร่างกายคือ คาร์โบไฮเดรต หรือเรียกสั้นๆย่อๆว่า “คาร์บ”

คาร์บเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย มีอยู่ในอาหารจำพวก ข้าว เมล็ดพืช ผลไม้ ผัก พืชหัว เครื่องปรุงที่มีรสหวาน นอกจากนี้การการผลิตอาหารเกือบทุกชนิด จะมีน้ำตาลอยู่ ซึ่งน้ำตาลก็มากจากอ้อย หรือ น้ำหวานของพืชนั่นเอง เรียกได้ว่าเราทานคาร์บกันตลอดแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคาร์โบไฮเดรต 1 กรัมจะให้พลังงานแก่ร่างกายประมาณ 4 kcal

?✦ทำไมร่างกายของเราจึงต้องการคาร์โบไฮเดรต

ร่างกายคนเราใช้พลังงานจากสองแหล่งใหญ่คือ พลังงานจากไขมัน และ พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ซึ่งคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญแหล่งใหญ่ของร่ายกายเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นพลังงานที่ใช้ในการทำกิจกรรมและการขับเคลื่อนระบบอวัยวะต่างๆ สมอง หัวใจ ระบบการหายใจ ให้ทำงานและดำรงค์ชีวิตอยู่ได้นั่นเอง

?✦กินคาร์โบไฮเดรตเยอะๆแล้วทำให้อ้วนจริงเหรอ?

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจหลักการของการย่อยคาร์บมาเป็นพลังงานเสียก่อน เมื่อร่างกายได้คาร์บเข้าไปไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด จะข้าว น้ำตาล แป้ง ขนมปัง ผลไม้ ผัก คาร์บเหล่านี้จะถูกย่อยเป็นโมเลกุลที่เล็กลง คือกลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดียวหรือที่เรียกว่า กรูโคส และจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด กระจายไปตามเซลต่างๆและนำไปใช้เป็นพลังงานของระบบอวัยวะต่างๆในร่างกาย

จากนั้นส่วนที่เหลือจะถูกลำเลียงนำไปเก็บเอาไว้ในตับและกล้ามเนื้อ หรือ ที่เรียกว่า “ไกลโคเจน” ส่วนที่เหลือจากเก็บในกล้ามเนื้อและตับ (ไกลโคเจน) อีกส่วนที่เหลือจากเก็บจะถูกตับแปรสภาพกักเก็บไว้เป็นพลังงานสำรองในรูปแบบของไขมัน ซึ่งไขมันเหล่านี้จะค่อยๆสะสมพอกพูนขึ้นใต้ชั้นผิวหนังและตามอวัยวะภายในต่างๆ เราจึงค่อยๆอ้วนขึ้น เพราะอย่าลืมว่าทุกครั้งที่ร่างกายใช้พลังงาน ร่างกายจะใช้พลังงานจากอาหารที่ทานเข้าไปก่อน จากนั้น มาใช้พลังงานไกลโคเจน เมื่อทั้งสองแหล่งนี้หมดลงจึงจะดึงไขมันสะสมมาใช้ ตามลำดับ

?✦นอกจากนี้อีกเหตุผลนึงที่ทำให้คาร์บเป็นตัวการของความอ้วน..คือ**การทานคาร์บที่ย่อยไว อย่างแป้งขาว ขนมปัง น้ำตาล ขนมหวาน น้ำอัดลมใน**ปริมาณมากเกินไป คาร์บเหล่านี้เป็นคาร์บที่ร่างกาย**ดูดซึมได้ง่ายเมื่อดูดซึมง่ายก็จะทำให้มีน้ำตาล(กลูโคส)อยู่ในกระแสเลือดมาก

เมื่อมีน้ำตาลมากขนาดนั้น ร่างกายจะส่งสัญญาณไปที่ตับอ่อนให้เพิ่มระดับอินซูลินขึ้นเพื่อลดระดับน้ำตาลเลือด โดยการเร่งนำพลังงานไปใช้ในระบบ เก็บเป็นไกลโคเจน แต่ด้วยกลูโคสมีจำนวนมากและปริมาณกล้ามเนื้อมีจำนวนจำกัดหรือไม่สามารถกักเก็บได้ทัน จึงนำไปเก็บไว้ในรูปไขมันสะสมที่ทำได้ง่ายและไม่มีพื้นที่จำกัดแทนกรณีที่จะทำให้ได้รับคาร์บมากเกินไปทานคาร์บรวมต่อวันมากเกินไป

?✦การทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต

❝มากเกิน ❞ กว่า ❝ การนำไปใช้ ❞
และการเก็บในแต่ละวัน ทำให้มีส่วนของพลังงานเหลืออยู่มาก พื้นที่ในการจัดเก็บไกลโคเจนก็มีจำนวนจำกัด เมื่อเป็นเช่นนี้พลังงานส่วนที่เหลือจึงแปรสภาพเป็น>>>ไขมันสะสม ทานเยอะเกินไปในคราวเดียว

การทานมื้อหนัก หรือการทานคาร์บที่ย่อยเร็วครั้งละมากๆจะทำให้ร่างกายไม่สามารถกักเก็บพลังงานได้ทัน ทั้งที่ยังมีพื้นที่ในกล้ามเนื้อว่างอยู่ ร่างกายจึงเลือกที่
่ลดปริมาณน้ำตาลโดยการจัดเก็บในรูปแบบของไขมันที่ง่ายและเร็วกว่า ไม่ทานคาร์โบไฮเดรตเลยได้ไหม

เมื่อมาถึงตรงนี้หลายคนคงขยาดกลัวกับการทานแป้งไปเลย พาลจะบอกเลิกตัดขาดการทานคาร์บไป ซึ่งมีหลายทฤษฎีลดน้ำหนักที่ใช้วิธีการพร่องแป้ง หรือการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในระดับต่ำ อย่าง ทฤษฎี Atkins และ Ketogenic (จะมานำเสนอในคราวต่อไป)

ซึ่งสามารถลดปริมาณไขมันได้จริง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

?✦เพราะการที่ลดปริมาณคาร์บให้ต่ำมากๆ จะทำให้✦ร่างกายขาดสารอาหาร กลุ่ม วิตามินบี และด้วยที่คาร์บเป็นพลังงานหลักในการดำรงค์ชีวิต การลดคาร์บให้ต่ำจำเป็นจะต้องเพิ่มพลังงานให้ร่างกายจากส่วนอื่นแทนโดยการเพิ่มปริมาณการทานไขมันและเนื้อสัตว์ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับไขมันไขมันอิ่มตัวและคอเรสเตอรอล ที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตได้ ***

***นอกจากนี้เมื่อเราตัดคาร์บปริมาณน้ำตาลในเลือดของเราจะต่ำลง ***

?✦ปริมาณพลังงานคาร์บไม่เพียงพอ✦ทำให้การเผาผลาญไขมัน..✦ไม่สมบูรณ์ ทำให้ไขมันก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นสารประเภท ketone ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ตับ มีผลทำให้ร่างกาย>>อ่อนเพลีย >>วิงเวียน >>หน้ามืด >>หงุดหงิด >>อารมณ์แปรปรวน

ในกรณีที่อดอาหารอย่างอื่นร่วมด้วยร่างกายจะลดการเผาผลาญไขมันลง พร้อมกลับค่อยๆย่อยสลายโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาแทน เมื่อกล้ามเนื้อน้อยจะทำให้เมื่อกลับมาทานคาร์โบไฮเดรตเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เกิดไขมันสะสมได้ไวกว่าปรกติ หรือเกิดภาวะโยโย่เอฟเฟกนั่นเอง
ทานคาร์โบไฮเดรตอย่างฉลาดไม่มีอ้วน

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้

?✦เราต้องเลือกวิธีการทานคาร์บอย่างฉลาด คือในแต่ละวันจะต้องกำหนดปริมาณการทานคาร์บให้พอเหมาะกับความต้องการ คือประมาณ 40% ของปริมาณพลังงานรวมที่ต้องใช้ต่อวัน และควรเลือกทานคาร์บเชิงซ้อนจำพวก #ข้าวแป้งไม่ขัดสี #ธัญพืช #ที่ย่อยและดูดซึมได้ช้า #ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆขึ้นอย่างช้าๆ #มีเวลาในการจัดเก็บพลังงานไกลโคเจนได้ทัน

นอกจากนี้การเลือกเวลาในการทานคาร์บก็สำคัญ ควรเลือกทานคาร์บในมื้อก่อนที่จะต้องใช้พลังงาน เช่นมื้อเช้า หรือมื้อก่อนออกกำลังกาย และลดปริมาณการทานคาร์บในมื้อ…ดึก หรือ ช่วงก่อนเข้านอน เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานไกลโคเจน และลดการสะสมคาร์บเป็นไขมัน

สิ่งสำคัญอีกสิ่งคือ การเพิ่มพื้นที่การกักเก็บคาร์บ ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยระบายไกลโคเจน ทำให้มีพื้นที่ในกล้ามเนื้อเหลือพอที่จะกักเก็บ และการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อมีกล้ามเนื้อมากก็สามารถเก็บไกลโคเจนได้มาก คนที่ออกกำลังกายจึงอ้วนยากกว่าคนที่คุมอาหารเพียงอย่างเดียว

ส่งต่อความปราราถนาดี by Ammie @club.agirl

Posted on Leave a comment

อานิสงส์ 9ข้อ ใส่บาตรตอนเช้า

ใส่บาตร

อานิสงส์ 9ข้อ ใส่บาตรตอนเช้า เจริญรุ่งเรือง ร่มเย็น เป็นสุข สดชื่น สมหวัง

1. การใส่บาตร อานิสงส์ที่ได้ เป็นที่รัก ขอบผู้คน มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด
ตายไป ย่อมเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์

2. การใส่บาตร ทำให้จิตใจ ยึดเหนี่ยวระลึก ในความดี

3.เป็นการสร้างสังคมให้มีความสุข ความร่มเย็น

4.เสริมศิริมงคล ต่อบุญ โชคลาภ วาสนา

5. เพื่อเป็นการอุทิศแผ่บุญส่วนกุศล ถึงบุคคลอันเป็นที่รัก ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูต่อผู้มีคุณ

6. เป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม
อันเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติ ที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน

7. เป็นแบบอย่างของคุณงามความดีจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นแบบอย่างให้ลูกหลาน ในการทำความดีสืบต่อไป

8.เป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา เพราะพระสงฆ์สามเณรต้องอยู่ด้วยการบิณฑบาตเลี้ยงชีพ ถ้าไม่มีใครใส่บาตร ก็ไม่มีอาหาร เมื่อไม่มีอาหารย่อมไม่อาจดำรงชีพอยู่ได้ แล้วพุทธศาสนาก็อาจจะสิ้นสุดลงในยุคปัจจุบัน

9.การใส่บาตรเป็นการสร้างความปรองดองให้กับชาวพุทธ เป็นการหยุดวิกฤตความศรัทธา เพราะถ้าชาวพุทธทุกบ้านพร้อมเพรียงกันใส่บาตร จะเกิดเป็นพลังแห่งความสามัคคีขึ้น ซึ่งพลังนี้จะช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสงบสุข ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ความสามัคคีของหมู่คณะ ย่อมทำให้เกิดสุข” ทำให้ชาวพุทธมีความเข้มแข็ง และสามารถจะสร้างกรอบอันดีงามให้แก่ภิกษุสามเณรทั้งหลายไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางได้

ประโยชน์ 9 ประการของการใส่บาตรนี้ นับเป็นคุณอนันต์ เป็นลาภมหันต์ของชาวพุทธ ที่สามารถสร้างเสริมใส่ตัวได้ทุกวัน …

เราชาวพุทธ หมั่นสะสมบุญ สร้างบารมี ไว้เป็นเสบียงบุญ สู่ภพชาติต่อๆไป กัน นะคะ

789beauty.com

Posted on Leave a comment

❝ ตำป่า ❞ ประโยชน์มากมาย จากวัตถุดิบ ไทยๆ

ตำป่า

ตำป่า คือส้มตำที่ใส่สารพัดที่คิดว่าใส่ลงไปแล้วเข้ากัน เหมือนส้มตำปูปลาร้าทุกอย่าง แต่แค่เพิ่มหอย ขนมจีน เมล็ดกระถิน หรือผักที่ชอบ ใส่ผักได้หลายชนิด ตำป่าดังมาจากจังหวัดมหาสารคาม เรียกติดปากว่า “ตำป่าสารคาม” นั่นเองค่ะ

ส่วนผสม
* กระเทียม 5-4 กลีบ
* พริกแดง ตามชอบ
* พริกแห้ง ตามชอบ
* มะอึก 1 ลูก
* มะกอก 1 ลูก
* บักเขือเครือ 2 ลูก
* มะเขือเทศ 2 ลูก
* น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
* ปูนานึ่ง 3 ตัว
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
* มะละกอสับ 150 กรัม
* หอยขมลวก
* เมล็ดกระถิน
* ขนมจีน 50 กรัม

วิธีทำ
1. ตำกระเทียม พริกแดง และพริกแห้งให้แหลก จากนั้นก็ใส่ มะอึก มะเขือเครือ และมะเขือเทศ ตำจนน้ำในมะเขือออกมา
2. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำปลาร้า และน้ำตาลปี๊บ แกะปูนาลงไป คลุกให้เข้ากัน
3. ใส่เส้นมะละกอสับลงไป ตำจนเครื่องปรุงซึมเข้ามะละกอ จากนั้นก็ใส่หอยขม เมล็ดกระถิ่น และขนมจีน คลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็ใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ

กินอะไรก็อร่อย ไม่กลัวอ้วนหรอก

 

 

 

Posted on Leave a comment

12 ข้อคิด จากมหาเศรษฐีพันล้าน Warren Buffet

ข้อคิดมหาเศรษฐี

น้อยคนนัก ที่จะไม่รู้จัก ชายแก่ หน้าตาใจดี
มหาเศรษฐี อันดับ 3 ของโลกในปัจจุบัน

ด้วยทรัพย์สินรวม 40,000 ล้านดอลลาห์
CEO ของบริษัท Berkshire Hathaway
หรือเรียกว่า ปู่บัฟ ในวงการเล่นหุ้น


นี่คือ12 สิ่งที่ควรเรียนรู้จากมหาเศรษฐี
อย่างวอเรน บัฟเฟต์

1. ให้คุณค่าชื่อเสียง และเกียรติยศของคุณ

“เราใช้เวลา 20 ปีในการสร้างชื่อเสียง เกียรติยศ
แต่เราสามารถทำลายมันทั้งหมด ได้เพียงแค่ 5 นาที

ถ้าคุณระลึกถึงมัน คุณจะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป”

กว่าจะสร้างชื่อเสียง และเกียรติให้แก่ สิ่งที่เรามีได้
มันอาศัยเวลาที่ยาวนาน

ดังนั้น ก่อนที่เราจะทำอะไร
ควรคิดให้ดีๆก่อน

ถ้าเรามีสติ คิดตรึกให้ดีๆ
เราจะไม่ทำสิ่งที่เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ
แต่สามารถทำลายทุกอย่างที่เรามีได้ในชั่วพริบตา


2. ทำงานเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น

“คนบางคน ได้นั่งอยู่ใต้ร่มเงาในวันนี้
ก็เพราะเคยมีคนปลูกต้นไม้ต้นนี้ เมื่อนานมาแล้ว”

ถ้าเราอยากมีอนาคตที่ดี
เราจึงควรเริ่มเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ ตั้งแต่วันนี้

เพราะสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ในวันนี้
คือผลลัพธ์ของการกระทำในครั้งก่อน

สิ่งที่เราทำในอดีต ก็คือผลในปัจจุบัน

ดังนั้น
ถ้าตอนนี้เรายอมทำอะไรบางอย่าง
ที่อาจจะเหนื่อยสักหน่อย เพื่ออนาคต

มันก็คงดีกว่า การที่ไม่ทำอะไรในวันนี้
แล้วไปลำบากวันข้างหน้า


3. เพิ่มเติมคุณค่า

“สิ่งที่จ่ายไปคือ ราคา
แต่สิ่งที่ได้มาคือ คุณค่าของมัน”

เวลาเราซื้ออะไร
มันเพราะเราเล็งเห็นคุณค่า ของสิ่งๆ นั้น ใช่หรือไม่?

คนอื่นจะมองเห็นคุณค่า
ของสินค้า และบริการของเรา มากแค่ไหน

ย่อมขึ้นอยู่กับว่า
เราให้คุณค่าสินค้า และบริการของเรา เพียงพอหรือยัง??


4. เลือกคบเพื่อนให้ดี

“มันดีกว่า ที่เราจะคลุกคลีกับคนที่ดีกว่าเรา
เลือกคบกลุ่มเพื่อน ที่นิสัยที่ดีกว่าเรา

และเราจะถูกนำพา ไปในทางเดียวกัน”

ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ
เราควรคบหาสมาคม กับคนที่ประสบความสำเร็จ

มีคนกล่าวว่า
“เรามักจะมีค่าเฉลี่ย เท่ากับคนที่เราสนิทด้วยที่สุด 5 คน”


5. ความอดทน คือกุญแจสำคัญ

“ไม่ว่าเราจะเก่ง หรือขยันแค่ไหน
บางสิ่งบางอย่างก็ต้องใช้เวลา

เราไม่สามารถ ทำให้เด็กคลอดออกมา
อย่างปกติได้ภายใน 1 เดือน

โดยการทำให้ผู้หญิง 9 คนท้องแทน”

นอกจาก
ความขยัน และความสามารถของเราแล้ว

อีกสิ่งที่ต้องมีคือ “ความอดทนรอคอย”


6. กล้าเสี่ยง (หลังจากวิเคราะห์ดีแล้ว)

“ความเสี่ยง มาจากการที่เราไม่ทราบ ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

แน่นอนว่าธุรกิจมีความเสี่ยง
แต่บัฟเฟต์เชื่อว่า จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อย

ขึ้นอยู่กับว่าเราคำนวณ และวิเคราะห์
สิ่งที่เราจะทำดีพอหรือยัง


7. ทำสิ่งที่รัก

“มันจะมีช่วงเวลา ที่เราควรทำสิ่งที่เราต้องการ
ทำงานที่เรารัก ที่มันทำให้เรา
รีบกระโดดออกจากเตียงในตอนเช้า

เพราะผมคิดว่า คุณต้องบ้าแน่ๆ
ถ้าคุณต้องทนทำงานที่ไม่ชอบ

เพื่อแค่ให้มันดูดีในเรซูเม่
นั่นมันไม่ใช่การเก็บ Sex เอาไว้ สำหรับยามแก่หรอกหรือ?”

สรุปง่ายๆ ก็คือ ทำสิ่งที่คุณรัก

เพราะคนส่วนมาก กำลังทำลายชีวิตของตัวเอง
โดยการเลือกทำตามสิ่งที่คนอื่นต้องการ


8. รู้จักคู่แข่งของเรา

“ในโลกของธุรกิจ
กระจกมองหลัง ชัดกว่ากระจกหน้ารถเสมอ”

การรู้จักคู่แข่งของเรา ดีกว่ารู้จักตัวเราเอง

เพราะเราจำเป็น ต้องติดตามคู่แข่งของเราเสมอ
ว่าเขาจะไปทางไหน จะทำอะไร

รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง


9. เดินทีละก้าว

“ผมไม่ได้มองหา
ว่าจะกระโดดไปข้างหน้าทีละ 7 ฟุตได้อย่างไร

แต่ผมมองไปรอบๆ ว่ามีบาร์ 1 ฟุต
ที่สามารถจะข้ามไป ได้หรือไม่”

บัฟเฟต์ไม่เชื่อในเรื่อง
การประสบความสำเร็จ เพียงชั่วข้ามคืน

แต่เขาเชื่อว่า เราควรเดินทีละก้าว
แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ เพื่อค่อยๆเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น


10. เรียนรู้ ที่จะปฏิเสธ

“ข้อแตกต่าง
ระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จ และคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ

คือ คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ รู้จักการปฏิเสธ”

ควรรู้จักการพูดปฏิเสธ
เสียงรอบข้าง หรือคำแนะนำต่างๆ

เพราะสุดท้ายแล้ว การตัดสินใจทุกอย่าง
ก็ขึ้นอยู่กับเราฝ่ายเดียว

การฟังคนอื่น หรือแม้แต่เสียงในหัวมากไป
จะทำให้เราเกิดความลังเลสงสัย และตัดสินใจผิดพลาดได้

จงเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ อย่างเด็ดขาดเสียบ้าง


11. ความซื่อสัตย์ หาได้ยาก

“ความซื่อสัตย์ เป็นของขวัญราคาแพง
อย่าคาดหวังว่า จะได้มันจากคนราคาถูก”

คนราคาถูก ไม่ได้หมายถึงคนยากจน
แต่ในที่นี้หมายถึง คนที่ไม่จริงใจ

เพราะความจริงใจ หาได้ยาก
ถ้าเราเจอแล้ว ก็อย่าทำให้ตัวเองเสียคนพวกนี้ไป


12. หัดที่จะควบคุม

“เราต้องควบคุมเวลา และสิ่งที่เรามี
เราไม่สามารถ ให้คนอื่นกำหนดชีวิตของเราได้”

อย่าลืมว่า ชีวิตเป็นของเรา
เรา คือเสาหลักของชีวิตเราเอง

ดังนั้น เราจึงไม่ควร ให้คนอื่นคุมบังเหียนชีวิตของเรา


Cr. ข้อมูลจาก internet

Posted on Leave a comment

HQ (Health Quotient)

มีคนเป็นจำนวนมาก ทำลายเวลาพักผ่อนของตัวเองด้วยการทำงานโดยไม่พักผ่อน ถึงแม้ว่าความคาดหวังของคนทุกคนสูงขึ้นทุกวัน จนทำให้ต้องทุ่มเททั้งความสามารถทางสติปัญญา ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ และความสามารถด้านคุณธรรมความดีงาม เพื่อเผชิญหน้ากับภารกิจที่ท้าทาย แต่ก็ไม่ควรมองข้ามสังขารตัวเอง มันจะมีประโยชน์อะไรหาก IQ EQ และ MQสูง แต่ HQ ต่ำ

ความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ หรือ HQ (Health Quotient) จึงกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้คนต้องนับรวมอยู่ในตัวแปรแห่งความสำเร็จด้วย คงดูไม่จืดแน่ๆ หากทรุดก่อนงานจะเสร็จ

Werner W. K. Hoeger และ Sharon A. Hoeger ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ให้คำแนะนำไว้ในหนังสือ Lifetime Physical Fitness and Wellness : A Personal Program ว่า คนที่จะมี HQ สูงต้องมีองค์ประกอบ 9 ประการดังนี้

1) เสริมสร้างสมรรถภาพทางกายให้ฟิตอยู่เสมอ (Health related Fitness) สุขภาพที่ดีต้องมาจากร่างกาย กล้ามเนื้อ และหัวใจที่แข็งแรง ซึ่งจะช่วยให้ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างกระฉับกระเฉง มีความอึด และมีกำลังสำรองมากพอยามฉุกเฉิน

2) รู้ว่าอะไรควรกิน ไม่ควรกิน (Nutrition) คนในยุคของกินหาง่าย กินได้ 24 ชม. ต้องมีความรู้เรื่องโภชนาการ คิดเป็นว่าควรกินอะไรจึงจะเหมาะสมกับสุขภาพ และควรหยุดพฤติกรรมการกินแบบไหนที่ทำร้ายตัวเอง

3) หลีกเลี่ยงสารเคมีและสารเสพติด (Avoiding Chemical Dependency) ให้ตระหนักเสมอว่าสิ่งเหล่านี้คือปฏิปักษ์ที่สุขภาพต้องรีบปฏิเสธทันที

4) หมั่นดูแลสุขอนามัยตนเอง (Personal Hygiene) แม้เรื่องการแปรงฟัน การล้างมือ การอาบน้ำ การดูแลเสื้อผ้า เครื่องนอน ดูเหมือนจะเป็นของง่าย ที่เราคิดว่ารู้อยู่ดีแล้ว แต่อย่าแค่รู้ดี ต้องทำให้ถูกวิธีด้วย

5) วางแผนดูแลสุขภาพตนเองเพื่อป้องกันโรคร้าย (Disease Prevention) โดยการตรวจสุขภาพประจำปีตามความเสี่ยงของวัย ตามความเสี่ยงของอาชีพ การฉีดวัคซีนที่จำเป็น และการใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคต่าง ๆ

6) อย่าประมาท (Personal Safety) ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใด ต้องตระหนักถึงความปลอดภัย และควรโยนความคิดแบบ “ไม่เป็นไร” ทิ้งไปเสียที จงศึกษาและปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในทุกกรณี เช่น ไฟเหลืองแปลว่า เตรียมหยุด ไม่ได้แปลว่า เหยียบเต็มแรง

7) อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี (Environmental Health and Protection) คนฉลาดจะรู้ว่าเขาควรเลือกอยู่ในสถานที่ไหน เลือกคบใคร เลือกทำกิจกรรมแบบใด และเลือกรับข้อมูลข่าวสารอะไรจึงจะมีประโยชน์ที่สุด

8) มีความสามารถในการตอบโต้ความเครียดได้ดี (Stress Management) เมื่อเผชิญหน้ากับความกดดัน ต้องมีสติ รู้จักมองโลกในแง่ดี พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส

9) มีสุขภาวะทางอารมณ์ที่ดี (Emotional Well Being) สามารถรับรู้และบริหารจัดการอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์

ลองศึกษา และนำไปปฏิบัติดูนะครับ
ขอให้ทุกคนมี HQ ที่ดีครับ

Cr. ดร.วรวุฒิ เจริญศรีพรพงศ์

Posted on Leave a comment

กล้ามเนื้อเยอะ/น้อย ไขมันเยอะ/น้อย เป็นยังไง?

ดความอ้วน, ลดน้ำหนัก, อาหารเสริมลดน้ำหนัก, ลดน้ำหนักแบบปลอดภัย, ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก, ลดพุง,แขนใหญ่,ขาใหญ่,ลดต้นแขน,ลดต้นขา

มาดูกันว่ารูปร่างของเรานั้นเป็นแบบไหนเมื่อเปรียบเทียบมวลไขมันกับกล้ามเนื้อ

กล้ามเนื้อน้อย ไขมันเยอะ : บุคคลเหล่านี้สามารถหาได้จากพวกที่ออกกำลังกายหนักๆ คาร์ดิโอมากๆ เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อสลายไป เช่น คนที่ออกกำลังกายประเภทวิ่งอย่างเดียว หรือกลุ่มคนที่เลือกที่จะอดอาหารโดยรับสารอาหารประเภทโปรตีนน้อย

กับอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่ไม่ออกกำลังกายเลย เพราะไม่ได้มีการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแต่ยังกินปกติทำให้เกิดไขมันสะสม ถ้าคุณเป็นคนกลุ่มเหล่านี้ให้ลองจับเนื้อตัวเองดูจะรู้สึกว่าเนื้อเหลวๆไม่เต่งตึง

กล้ามเนื้อน้อย ไขมันน้อย : นี่คือกลุ่มบุคคลที่ผอมมากๆ ไม่ว่าจะกินอะไรเข้าไปก็เหมือนรู้สึกว่าไม่ได้รับสารอาหารอะไรเลย เพราะร่างกายไม่เอาไปสะสม หรือเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อาจจะเกิดเพราะเป็นโรค หรือกรรมพันธุ์แต่กำเนิด ถ้าจะเสริมสร้างร่างกายให้กับบุคคลกลุ่มนี้ คือคุณต้องกินให้เยอะกว่าคนปกติและเล่นให้หนักกว่าบุคคลปกติ

กล้ามเนื้อเยอะ ไขมันเยอะ : บุคคลกลุ่มนี้สามารถหาได้ตามฟิตเนสทั่วไป เพราะคนกลุ่มนี้จะมีรูปร่างที่ใหญ่โตมาก (bulk) เน้นที่จะออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่งอย่างเดียว และเน้นการรับประทานอาหารอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่ใส่ใจอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ทำให้มีไขมันสะสมในร่างกายค่อนข้างเยอะ (แต่ก็ทำให้ตัวดูหนาๆ) มองภายนอกอาจดูเหมือนแข็งแรง แต่ถ้าลองจับเนื้อดู จะรู้สึกว่าเนื้อจะนิ่มๆ ไม่ได้เห็นกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนชัดเจนมาก เพราะมีชั้นไขมันอยู่เยอะ

กล้ามเนื้อเยอะ ไขมันน้อย : เชื่อว่าใครๆก็อยากจะเป็นบุคคลกลุ่มนี้ เพราะบุคคลกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มี Fat% ค่อนข้างน้อย แต่มีมวลกล้ามเนื้อเยอะ ทำให้มองเห็นกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนและชัดเจน ทำให้รู้สึกใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูสวย (ไม่ใส่ก็ยังสวยอ่ะ) แต่จะเป็นคนกลุ่มนี้ได้ต้องใส่ใจเรื่องโภชนาการและการออกกำลังกายเป็นพิเศษ

***ลองเลือกดูนะคะว่าตัวเองอยู่กลุ่มไหน และในอนาคตอยากเป็นกลุ่มไหน เมื่อเลือกได้แล้วก็จงทำให้สำเร็จจ้า

 

 

Posted on Leave a comment

สังเวชนียสถาน ๔

พระบรมศาสดาจึงนำเหล่าภิกษุสงฆ์เสด็จพุทธดำเนินข้ามแม่น้ำหิรัญญวดีในเมืองกุสินารานคร แล้วเสด็จเข้าไปประทับ ณ สาลวันอุทยาน ของเหล่ามัลลกษัตริย์ใกล้เมือง กุสินารานคร แคว้นมัลละ โปรดให้พระอานนท์ปูลาดเตียงที่บรรทม ณ ระหว่างไม้รัง ต้นสาละ ทั้งคู่ แล้วเสด็จบรรทมสีหไสยา เป็นการนอนอย่างราชสีห์ คือนอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มือซ้ายพาดไปตามลำตัว มือขวาช้อนศีรษะไม่พลิกกลับไปมา มีสติสัมปชัญญะ แต่มิมีอุฏฐานสัญญามนสิการ คือ ไม่มีพุทธประสงค์จะลุกขึ้นอีกต่อไป เนื่องจากเป็นไสยาวสาน คือ นอนครั้งสุดท้ายจึงนิยมเรียกว่า อนุฏฐานไสยา คือนอนโดยไม่ลุกขึ้นอีก

ในเวลานั้น พระอานนท์เถระเจ้าได้กราบทูลว่า

ในกาลก่อนเมื่อออกพรรษาแล้ว บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายในทิศต่าง ๆ ได้เข้าใกล้ สนทนาปราศัยได้ความเจริญใจ ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ข้าพระองค์ทั้งหลายจักไม่ได้โอกาสอันดีเช่นนั้น เหมือนกับเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่อีกต่อไป

เมื่อพระอานนท์กราบทูลเช่นนั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า

อานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบลนี้ เป็นสถานที่ควรแก่ความสังเวช เมื่อผู้มีศรัทธาได้ไปยังสถานที่ ๔ แห่งนี้ด้วยความเลื่อมใสเมื่อทำการกิริยา คือ ตายลงแล้ว จักได้ถึงสุคติ ไปเกิดในโลกสวรรค์ สังเวชนียสถานทั้ง ๔ อันได้แก่

. สถานที่พระพุทธองค์ประสูติจากพระครรภ์

. สถานที่พระพุทธองค์ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

. สถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมจักร

สถานที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน

อนึ่ง สังเวชนียสถาน มีความหมายถึง เป็นสถานที่ตั้งแห่งความสังเวช แต่คำว่าสังเวชในทางธรรมนั้น มีความหมายลึกซึ้งกว่าความหมายของคำว่าสังเวชที่พบเห็นกันทั่ว ๆ ไป กล่าวคือ ในทางธรรมหมายถึง ความรู้สึกสลดใจที่ทำให้คิดได้ถึงพระไตรลักษณ์ คือ ความเป็นอนิจจัง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ความทุกข์สลดใจ ความยึดมั่นถือมั่นไว้ไม่ได้ ทำให้จิตใจหันมานึกถึงสิ่งที่ดีงามเกิดความไม่ประมาท เพียรพยายามทำสิ่งที่เป็นกุศลต่อไป จึงจะเรียกว่า สังเวช

สถานที่พระพุทธองค์ทรงมีพระประสูติกาลจากพระครรภ์พระมารดา คือ อุทยานลุมพินี ตั้ง อยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะ กรุงกบิลพัสดุ์เป็นเมืองหลวงของแคว้นสักกะ กรุงเทวทหะเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกลิยะ ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศเนปาลห่างชายแดนภาคเหนือของประเทศอินเดีย ๖ กิโลเมตรครึ่ง บัดนี้เรียกว่า รุมมินเด

มายาเทวีวิหาร อุทยานสวนลุมพินีขอบคุณภาพจาก วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์


. สถานที่พระพุทธองค์ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือ ใต้ร่มไม้พระศรีมหาโพธิ์ ภายในป่าสาละ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ปัจจุบันคือ ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์ ที่ตำบลพุทธคยา รัฐพิหารประเทศอินเดีย

มหาเจดีย์ที่พุทธคยาสถานที่ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ


. สถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมจักร คือ สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา โปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทางทิศเหนือของเมืองพาราณสี แคว้นกาสี ปัจจุบันนี้เรียกว่า สารนาถพาราณสี บัดนี้เรียกว่า วาราณสี ประเทศอินเดีย

ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน สารนาถพาราณสีสถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนาธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร

. สถานที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน คือ ที่สาลวโนยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ปัจจุบันนี้เรียก เมืองกาเซีย จังหวัดโครักขปุระ ประเทศอินเดีย

สาลวโนยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละสถานที่ปรินิพพานขอบคุณภาพจากวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์


สถานที่ทั้ง ๔ ตำบลนี้แล ควรที่พุทธบริษัท คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา มีความเชื่อความเลื่อมใสในพระตถาคตเจ้า จะดูจะเห็นและควรจะให้เกิดความสังเวชทั่วกัน