Posted on Leave a comment

อาหารบำรุงหัวใจ

อาหารบำรุงหัวใจ

อาหารบำรุงหัวใจ

อาหารบำรุงหัวใจ มาดูแลหัวใจกันด้วยอาหารดีๆนะคะ

อาหารไฟเบอร์สูง เช่นธัญพืช ข้าวกล้อง ผัก และผลไม้

ปลาไขมันสูง เช่น ปลาทู ปลาช่อนปลาทูน่า ปลาสวาย ปลาแซลมอน หรือปลาแมคเคอเรล อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

นมหรือผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำหรือพร่องมันเนย เพราะผลการวิจัยพบว่าแคลเซียมในนม ช่วยควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินไป

น้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

ข้าวหรือแป้งขัดขาวรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งขัดขาว เช่นขนมปังขัดขาว คุกกี้ หรือเค้ก

อาหารเค็ม เพราะเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจ ปริมาณเกลือที่รับประทานในแต่ละวันไม่ควรเกิน 2400 มิลลิกรัม โดยทั่วไปเมื่อเปรียบเทียบอาหารดังต่อไปนี้ปริมาณเท่ากัน คือ 1ช้อนโต๊ะ มีปริมาณเกลือ(มิลลิกรัม)

มากไปหาน้อยตามลำดับดังนี้
เกลือ ( 2000 )
กะปิ (1430 – 1490 )
น้ำปลา (1160 – 1490 )
ซีอิ๋ว (960 – 1460 )
ซอสหอยนางรม (420 – 490 )
และผงชูรส 492

อาหารไขมันสูง เช่นเนื้อสัตวติดมัน ไขมันจากสัตว์ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม

การรับประทาน อาหารบำรุงหัวใจ นั้นจะช่วยทำให้ร่างกายของนั้นของจากจะมีสุขภาพใจที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้ร่างกายของเรานั้นมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

ชาเขียวกำจัดหน้าท้อง

ชาเขียว

สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว
ไม่เพียงช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่างๆเท่านั้นแต่ยังช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย

ผลการวิจัยพบว่าผู้ออกกำลังกาย ซึ่งดื่มชาเขียววันละ 4 ถ้วย เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยให้ไขมันหน้าท้องลดลงมากกว่าผู้ที่ออกกำลังกายเหมือนกัน แต่ดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอื่นๆ ถึง 8เท่า นักวิจัยเชื่อว่า เป็นเพราะสารในชาเขียว ช่วยเร่งให้ไขมันสลายไปเร็วขึ้น

TIP นักวิจัยในญี่ปุ่นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดจับตัวการซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอุดตันใน Siri เลือดโดยผลการวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละห้าขวดเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองลงได้ 62 เปอร์เซ็นต์

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

กฏเหล็กลดไขมัน

ลดไขมัน

1. ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง (เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล อาทิเช่น ขนมปัง ขนม น้ำผลไม้ น้ำปั้น )

Tip. การดื่มน้ำผลไม้คือเรื่องที่ผิดเพราะน้ำตาลสูงถ้าเลือกกินขอกินแบบเป็นผลดีกว่า

2. งดของมัน ทอด ถ้างดไม่ได้ก็ลดไปทีละนิด
Tip. เนื้อสัตว์ติดมัน ของชุบแป้งทอด

3. ให้มีผักในทุกๆมื้อ มีกากใบช่วยดัดไขมันได้ ช่วยการขับถ่ายท้องยุบ มีวิตามินช่วย
Tip. ผักกินได้เยอะกินเท่าไรก็ได้ แต่ล้างให้สะอาด ใครที่ไม่กินผักก็กินโยเกิร์ลได้ช่วยขับถ่าย (ดูฉลากเรื่องน้ำตาลและแคลลอลี่ดีๆ)

4. กินมื้อเช้าเพื่อกระตุ้นการเผาพลาญเต็มสูบ
Tip. กินมื้อเช้าช่วยให้เริ่มการเผาพลาญให้พลังงานแก่สมอง และจะไม่หิวโหยให้มื้อต่อๆไป

5. อย่าอดมื้อเย็นและกินระยะห่างก่อนนอน3-6ชม
Tip. มื้อเย็นควรงดเด็ดขาดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล ควรทานอาหารที่มีโปรตีน เน้นไก่ ปลา

6.หิวระหว่างวันกินไรดี?? กินผลไม้ที่มีแคลน้อยเช่น แก้วมังกร แตงโมง แคนตาลูป ฝรั่ง และน้ำเปล่า ถั่ว1กำมือ

7. กินน้ำเยอะร่างกายยิ่งไม่บวม ช่วยการเผาพลาญ ผิวชุ่มชื่น จางโซเดียม ลดอาการบวมน้ำ

8. ออกกำลังกายต่อเนื่อง40นาทีขึ้นไป เหงื่อออกเยอะไม่ใช่ไขมัน ไขมันไม่ขับทางเหงื่อ ร่างกายจะเอาไขมันมาใช้ในเวลา40นาทีขึ้นไป

9. ตั้งเป้าหมายที่ละน้อยๆ เช่น ทีละ3โล

10. เพื่อนชวนแดกอย่าไป 55++ ไม่มีใครยอมเสียค่าบุฟเฟต์แพงๆเพื่อไปแดกผักต้มหรอก

11. กินของที่อยากกินได้ 1 มื้อ ต่อสัปดาห์ (ถ้าไม่กินก็จะเห็นผลเร็วกว่านี้)

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

การนอนหลับกับผิวพรรณ

การนอนหลับกับผิวพรรณ

ใครๆที่อยากมีผิวพรรณดี ลองอ่านบทความนี้ดูนะคะ เพราะเป็นเรื่องที่ใช้ในชีวิตประจำวันของเรานี้เอง

การนอนหลับที่ดีควรเป็นการนอนหลับอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วมีความรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในเวลากลางวัน

การนอนหลับที่ดี จะส่งผลต่อการมีผิวพรรณที่ดีซึ่งมีหลายปัจจัยดังนี้

นอนถูกเวลาและปริมาณความต้องการนอนหลับของมนุษย์เรานั้นไม่เท่ากันยิ่งอายุน้อยยิ่งต้องการนอนมาก และความต้องการนอนหลับ สำหรับผู้ใหญ่โดยทั่วไปแล้วประมาณ 7- 8 ชั่วโมงต่อวันสิ่งที่สำคัญคือร่างกายจะมีการสะสมถ้าเรานอนไม่พอ ก็จะต้องการนอนมากขึ้นในวันต่อไป

นอกจากนี้เวลาเข้านอนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะฮอร์โมนและสารต่างๆที่จำเป็น ในการก่อให้เกิดสุขภาพผิวพรรณที่ดี จะผลิตเป็นเวลาตามที่ร่างกายกำหนด เวลาที่แนะนำให้ควรเข้านอน เพื่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ดีไม่ควรจะเกินสี่ทุ่มของแต่ละคืน

นอนถูกที่ ถูกสิ่งแวดล้อม ถ้าสิ่งแวดล้อมที่เรานอนไม่เหมาะสม เช่น มีเสียงรบกวน มีแสงสว่างมากเกินไป การระบายอากาศที่ไม่เหมาะสมต่างก็ส่งผลกระทบต่อกระบวนการนอนหลับอย่างต่อเนื่องของร่างกายทั้งสิ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการนอนหลับลดลง

นอนถูกท่า การนอนหงายเป็นท่านอนที่หลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ดีที่สุด การนอนตะแคงหรือนอนคว่ำหน้านานๆ จะทำให้เกิดแรงกดทับ ก่อให้เกิดใบหน้าโดยเฉพาะที่แก้มและคางที่เรียกว่าสลิฟกลน์ (Sleep Line) นอกจากนี้การนอนคว่ำยังทำให้เกิดรอยตีนกาได้ง่าย เนื่องจากผิวพรรณรอบดวงตาจะเป็นผิวที่บอบบางและเกิดริ้วรอยได้ง่ายมาก นอกจากประโยชน์ด้านความงามแล้ว ท่านอนหงายยังเป็นท่าทางของการนอนที่ดี ต่อสุขภาพ อีกด้วย เพราะเป็นท่านอนที่ไม่มีอะไรมากดทับหน้าอก ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้อย่างคล่องตัวที่สุด เมื่อนอนหงายกระดูกสันหลังได้รับการรองรับจากที่นอน ทำให้สามารถวางตัวอยู่ในแนวธรรมชาติได้ดีที่สุด เมื่อหลังแตะฟูกให้หลับในท่านอนหงาย เหยียดยาวด้วยชุดที่ไม่รัด พร้อมกับใช้หมอนใบเล็กลองใต้คอแทนหนุนศรีษะได้ยิ่งดี การเหยียดแขนออกห่างตัว หรือไม่งอศอกไว้เหนือศรีษะจะได้ไม่กีดขวางระบบทางเดินหายใจ หรือสูบฉีดโลหิตช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้คล่องตัวที่สุด เมื่อนอนหงายกระดูกสันหลังจะได้รับการรองรับจากที่นอนช่วยให้กล้ามเนื้อหลัง ไหล่ และคอ ได้รับการผ่อนคลายได้ดีที่สุด (ยกเว้นผู้ป่วยหรือสตรีมีครรภ์)

การนอนหลับเป็นการดูแลผิวพรรณที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องซื้อหามาจากไหน อ่านบทความแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติกันนะคะ

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

10ประโยชน์เมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทอง

ในเมล็ดฟักทองมี แมงกานีส แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง สังกะสี เหล็ก ทริปโตเฟนและโปรตีน อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของวิตามิน E K C และ B นอกจากนี้เมล็ดฟักทองยังอุดมไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลายชนิด ข้อดีของเมล็ดฟักทองคือ มีผลผลิตตลอดทั้งปี ไม่ต้องแช่เย็น พกพาได้สะดวก และยังมีรสชาติหวานอร่อย เป็นอาหารว่างชั้นดีที่คุณควรมีติดบ้านหรือสำนักงานไว้ และนี่คือ 10 คุณประโยชน์ของเมล็ดฟักทอง

1. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
การบริโภคเมล็ดฟักทองสามารถช่วยลดระดับของ LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี) ในร่างกายของเราได้ ใน 2012 วารสารทางการแพทย์ของแอฟริกันได้ตีพิมพ์ข้อมูลหนึ่ง นักวิจัยพบว่า หนูที่เลี้ยงด้วยเมล็ดฟักทองมีระดับ HDL (คอเลสเตอรอลชั้นดี) เพิ่มขึ้นและระดับ LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี) ลดลงอย่างเห็นได้ชัด กินเมล็ดฟักทองอบแห้ง 2-4 ช้อนโต๊ะทุกวัน โดยไม่ต้องเพิ่มเกลือหรือปรุงรสใดๆเพื่อช่วยลดระดับ LDL ของคุณ

2. การควบคุมน้ำตาลในเลือด
ใน 2010 วารสารโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนได้ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเมล็ดฟักทองกับโรคเบาหวาน การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เมล็ดฟักทองสามารถช่วยควบคุมระดับอินซูลินและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานโดยการลดสภาวะความเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) นอกจากนี้ยังพบว่ามีสารเคมีในน้ำมันเมล็ดฟักทองช่วยป้องกันโรคไตจากเบาหวานได้อีกด้วย คนที่เป็นโรคเบาหวานสามารถรับประมาณเป็นอาหารว่างเพื่อสุขภาพ โดยกินได้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน

3. ต่อต้านโรควิตกกังวล
ในปี 2007 การศึกษาของ Canadian Journal of Physiology and Pharmacology พบว่าทริปโตเฟน (tryptophan) ที่พบในเมล็ดฟักทองช่วยบรรเทาความวิตกกังวล สมองใช้​ทริปโตเฟนเพื่อทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและสบายใจ หากร่างกายมีทริปโตเฟนน้อยเกินไปก็สามารถนำไปสู่​​ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติท​​างอารมณ์อื่นๆ เมื่อคุณรู้สึกว่ามีเครียดมากหลังจากวันทำงานที่ยาวนาน รับประทานเมล็ดฟักทองคั่วจะช่วยให้คุณสงบลงได้

4. บรรเทาอาการโรคข้ออักเสบ
เมล็ดฟักทองและน้ำมันในเมล็ดมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดและการอักเสบในข้อต่อ จึงเป็นประโยชน์มากในการรักษาโรคข้ออักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเข่าเสื่อมและโรคไขข้ออักเสบ ในปี 1995 วารสารเภสัชวิทยาวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันเมล็ดฟักทองพบว่า สามารถรักษาโรคข้ออักเสบได้และยังไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย เพื่อลดการอักเสบของโรคข้ออักเสบ ควรการนวดบริเวณที่ได้รับผลกระทบด้วยน้ำมันเมล็ดฟักทองวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 10 นาที

5. ดีต่อกระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมาก
เมล็ดฟักทองสามารถป้องกันภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ (Overactive Bladder) และช่วยรักษาอาการต่อมลูกหมากโต โดยสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่พบในเมล็ดฟักทองช่วยลดขนาดต่อมลูกหมากโตได้ นอกจากนี้สังกะสียังช่วยลดการปัสสาวะบ่อยในช่วงเวลากลางคืน

6. ปกป้องกระดูก
เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน แร่ธาตุเหล่านี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของกระดูกหัก การรับประทานเมล็ดฟักทอง 1/4 ถ้วยทุกวัน สามารถลดอาการโรคกระดูกพรุนได้

7. ปรับปรุงสุขภาพหัวใจ
เมล็ดฟักทองมีแมกนีเซียมที่จะช่วยในการทำงานของหัวใจและช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง ทั้งมีบทบาทสำคัญในจังหวะการเต้นของหัวใจซึ่สามารถป้องกันการเกิดหัวใจหยุดเต้นฉับพลันได้ และทองแดงในเมล็ดฟักทองยังช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดงและเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนในเลือด

8. ป้องกันสู้พยาธิในลำไส้
เมล็ดฟักทองมีคุณสมบัติที่ช่วยในการกำจัดพยาธิตัวตืด พยาธิเข็มหมุดและปรสิตอันตรายอื่น ๆ ในลำไส้ ข้อมูลจากหนังสือ The Doctors Book of Home Remedies.

9. การนอนหลับ
เมล็ดฟักทองมีทริปโตเฟนอยุ่เป็นจำนวนมากซึ่งร่างกายใช้แปลงเป็นเซโรโทนิน (serotonin) และเมลาโทนิน (Melatonin) เพื่อช่วยในการนอนหลับพักผ่อนยามค่ำ​​คืน ผสมผงเมล็ดฟักทอง 1 ช้อนโต๊ะในแก้วนมอุ่นๆทานก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

10. ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยสังกะสีที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของคุณ หากขาดธาตุสังกะสีมากๆจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ เป็นหวัดง่าย เกิดสิวและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้เมล็ดฟักทองยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิดที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย อย่างเช่นซีลีเนียมจะช่วยร่างกายสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

7 อาหารตัวช่วย ลดอาการบวมน้ำ แก้ท้องอืด

บงมน้ำ

หลายๆ คนที่กำลังพยายามลดน้ำหนักลดหุ่น ดูแลรูปร่างให้สวยงาม เต็มที่ทั้งการออกกำลังกาย เลือกทานแต่อาหารสุขภาพแม้ตัวเลขน้ำหนักบนตราชั่งจะได้อย่างที่ตั้งใจ แต่พอหันมาดูที่ทรวดทรงองค์เอวของตัวเอง กลับยังรู้สึกว่ามันยังดูบวมๆ อืดๆ เหมือนไขมันส่วนเกินในร่างกายไม่ได้จากไปไหน

สาเหตุที่ทำให้ร่างกายบวมน้ำ
อาการแบบนี้น่าจะเป็นสัญญานบ่งบอกว่าคุณอาจอยู่ภาวะที่ร่างกาย “บวมน้ำ” ซึ่งมีที่มาได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม เพราะ โซเดียม เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการบวมน้ำ ซึ่งร่างกายต้องเก็บน้ำไว้เพื่อช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากไต รวมทั้งยังอาจเกิดจากการกินอาหารที่มีไฟเบอร์หรือกากใยมากเกินไป ส่งผลให้ท้องอืด รวมทั้งกลุ่มอาหารที่มีแก๊สสูง เช่น สะตอ หน่อไม้ฝรั่ง ชะอม และถั่วงอก แต่อาหารเหล่านี้สามารถลดแก๊สได้ด้วยการเลือกรับประทานที่ปรุงสุกแล้ว นอกจากนี้คุณผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวันนั้นของเดือน ก็อาจส่งผลให้ร่างกายในช่วงเวลาดังกล่าวมีอาการตัวบวมได้เช่นกัน

7 อาหารตัวช่วย ลดอาการบวมน้ำ แก้ท้องอืด
สาวๆ อย่าเพิ่งกังวลใจ เพราะอาการตัวบวมน้ำ หรือพุงป่องเนื่องจากท้องอืด สามารถดูแลให้ลดลงได้ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้

1.แตงกวา
ในแตงกวาจะมีสารเควอซิทิท (quercetin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวมที่เกิดจากการสะสมน้ำในร่างกายเกิมความจำเป็น นอกจากนี้ แตงกวา ยังมีวิตามินซี ซึ่งดีต่อผิวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี

แตงกวา

2.อะโวคาโด
เพราะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ปราศจากฟรุกโตสและซอร์บิทอล ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการท้องอืดและก๊าซ นอกจากนี้ อะโวคาโด ยังมีเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งช่วยในการย่อยแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ช่วยให้การย่อยอาหารของเราดีขึ้น ทำให้ไม่เกิดกรดในกระเพาะอาหาร

อะโวคาโด

3.มะเขือเทศ
อุดมไปด้วย โพแทสเซียม ช่วยลดอาการท้องอืดได้โดยการลดระดับโซเดียมในร่างกาย ในมะเขือเทศมีน้ำค่อนข้างเยอะ เมื่อรับประทานแล้วจะช่วยให้ร่างกายลดความต้องการของเหลวจากแหล่งอาหารอื่น

มะเขือเทศ

4.กีวี
ใน กีวี จะมีสารเอนไซม์แอกทินิดิน (actinidin) ซึ่งเป็นเอนไซม์ธรรมชาติที่ช่วยย่อยโปรตีนและป้องกันไม่ให้ท้องอืดได้ รวมทั้งเป็นแหล่งเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร ป้องกันไม่เกิดอาการท้องอืด

กีวี

5.แตงโม
แตงโม เป็นผลไม้ที่มีน้ำค่อนข้างเยอะถึงร้อยละ 90 น้ำที่ได้จากการรับประทานแตงโมนอกจากจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นแล้ว ยังช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ปรับสมดุลของน้ำและโซเดียมในร่างกายให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

แตงโม

6.หน่อไม้ฝรั่ง
แพทย์ผู้เชียวชาญกล่าวว่า สาเหตุของการบวมน้ำมักเป็นผลมาจาก เซลล์ในร่างกายกักเก็บน้ำส่วนเกินเอาไว้ โดยที่ไตไม่ได้รับสัญญาณที่จะปล่อยน้ำ หน่อไม้ฝรั่ง ช่วยทำหน้าที่เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติเพื่อช่วยให้ร่างกายขับส่วนเกินของร่างกายน้ำได้ดีขึ้น

หน่อไม้ฝรั่ง

7.ผักใบเขียว
ผักใบเขียว มีส่วนผสมของแมกนีเซียม ที่ช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะพวกโซเดียม แคลเซียม โพแทสเซียม และ ฟอสเฟต รวมทั้งช่วยปรับสมดุลของเหลวในร่างกาย ซึ่งช่วยลดการเกิดท้องอืดได้

ผักใบเขียว
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสาวๆ กับผักผลไม้ที่กินช่วยลดอาการบวมน้ำภายในร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม ควรพยายามลดกินโซเดียมหรือลดการกินเค็มให้น้อยลงไปด้วยจะดีที่สุด เพราะรสเค็มเป็นตัวการทำให้ร่างกายบวมน้ำนั่นเอง แถมทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผลอีกด้วย

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

ประโยชน์เห็ด3อย่าง

เห็ดสามอย่าง

กินเห็ดสามอย่างต้านโรค ล้างสารพิษ

ไม่แปลกใจที่เดี๋ยวนี้ไปตามตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต จะเห็นร้านที่ทำต้มยำเห็ดรวม, ยำเห็ด, แกงส้มเห็ด หรือแกง และต้มยำใดๆ ล้วนแต่นำเห็ดหลากหลายชนิด โดยนำพระเอกนางเอกชูโรงคือ ‘เห็ด’ เลย เมื่อก่อนยังได้เห็นว่าเห็ดถูกนำมาเป็นตัวประกอบในการปรุงอาหารสักหนึ่งเมนูเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ฉายเดี่ยวเป็นเมนูที่คนนิยมนำมาปรุงสุก และทานเห็ดกันอย่างแพร่หลาย

เห็ดสามอย่าง
ข้อมูลความรู้ในเรื่องการกินเห็ดที่ได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะกินในรูปแบบแกงหรือต้มยำหรือย่าง ก็มีคุณค่าเหมือนกัน โดยเราอธิบายไว้เป็นข้อๆ ดังนี้

1. เห็ดสามชนิด? ที่นำมาทานคือ
เห็ดอะไรก็ได้ ที่กินได้อย่างน้อยสามชนิด เอามาปรุงสุก ทำยำ แกง ต้ม ได้หมด หรือลวกกินเปล่าๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่เมนูเด็ดที่ทำให้การกินเห็ดได้ไม่รู้เบื่อ คือต้มยำเห็ด ที่ได้รสชาติแซ่บ แถมยังได้ประโยชน์อีกด้วย หรือหากใครขี้เบื่อ จะเอาเห็ดสามอย่างมาต้มสุก และกินน้ำของเขาก็ได้อยู่

2. เห็นที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา
เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็นหูหนูขาว ดำ เห็นชิเมจิขาว เห็ดเข็มทอง เห็ดหอม เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดหลินจือ เป็นต้น

3. เห็ดช่วยรักษาโรค
ตับ ซีสต์ เนื้องอก มะเร็ง ป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือด และโรคกระเพาะ ล้างสารพิษในโรคต่างๆ ได้ เรียกว่า คุณประโยชน์ครบครัน ได้รสชาติอร่อย อิ่ม และมีประโยชน์

4. ผลลัพธ์ที่ได้จากการกินเห็ด
มีหลายคนบอกว่า หากกินเห็ดสามอย่างเป็นประจำ อาการคนที่เป็นซีสต์เนื้องอกจะลดลง หรือในผู้ป่วยที่เป็นซีสต์ในมดลูก เห็ดจะช่วยล้างสารพิษในร่างกายออกไปได้อย่างดี เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจที่ร้านทำต้ม แกงเห็ด ขายเปิดอยู่มากมายทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะได้รับความนิยมอย่างนี้เอง

5. หาซื้อที่ไหน?
ตามท้องตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ชั้นนำ หรือถ้าเราขี้เกียจ ก็ไปที่ร้านที่มีเมนูเห็ดให้เขาต้มยำให้เสร็จพร้อมกินเลย ….
เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งรีบเชื่อ อยากให้ทุกคนได้ลองหาชิมหาทานกันก่อน แล้วจะรู้ว่าประโยชน์เหลือคณานับ อีกทั้งยังหาซื้อง่าย ราคาปานกลาง ลองทานแล้วจะติดใจ อ้อ..เขาบอกว่า ทานเห็ดหนึ่งอย่างไม่รักษาโรคแค่มีประโยชน์ แต่ถ้าทานสามอย่างเป็นประจำ ต้านโรคได้แน่นอน

เห็ดสามอย่าง

ประโยชน์ของเห็ด 3 อย่าง เมื่อนำมารวมกันปรุงอาหาร คือ
สามารถช่วยล้างพิษที่สะสมในตับ ทั้งจากอาหารและสารเคมี เช่น พิษจากสุรา สารตกค้างในเนื้อสัตว์
สารเคมีจากเครื่องสำอาง (ลิปสติกสีสด ยาย้อมผม)สามารถช่วยให้การทำงานของตับแข็งแรงขึ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงดีส่งผลทำให้อารมณ์ดี
สามารถช่วยล้างพิษพวกอนุมูลอิสระ ซีสต์ เนื้องอก มะเร็ง อัลฟาท็อกซิล ไวรัสตับอักเสบ สเก็ดเงิน
สามารถช่วยล้างไขมันในตับ

เห็ดสามอย่าง
วิธีการปรุง
นำเห็ดที่ทานได้อย่างน้อย 3 อย่าง เช่น เห็ดหูหนูต่างๆ เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดโคน เห็ดเข็มทอง
ปรุงเป็นอาหาร เช่น ยำ ใส่ในแกงจืด แกงเลียง แกงส้ม ไข่ตุ๋น
ต้มน้ำดื่มจะผสมใบมะตูม ใบเตยหรือเพิ่มน้ำตาลกรวด

**ข้อควรหลีกเลี่ยง การผัดกับน้ำมันพืช

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

มะเขือเทศเสริมกระดูก

มะเขือเทศ

 

มะเขือเทศได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่มีสารต้านอนุมูนอิสระไลโคปีนสูงโดยผลวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไลโคปีนสูงเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงสูงวัยช่วยป้องกันไม่ให้มวลกระดูกลดลงจากมะเขือเทศ ผักผลไม้อื่นที่มีหลายคบปีนสูงได้แก่แตงโมฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ เป็นต้น

สรรพคุณของมะเขือเทศ

1. ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%
2. ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
3. ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน
4. ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
5. มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ
6. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
7. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
8. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
9. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
10. ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก
11. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเชื้อราที่ปาก
12. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
13. ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% หากรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ
14. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง
15. ซอสมะเขือเทศช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังจากการหกล้มหรือถูกมีดบาดได้

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน
2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย
3. น้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
4. ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
5. มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนชวยบำรุงสายตา
6. มะเขือเทศมีเบตาแคโรทีนและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก
7. มะเขือเทศช่วยในการรักษาสิว ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
8. ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
9. มะเขือเทศใช้นำมาทำเป็นน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ขึ้นชื่อก็คือน้ํามะเขือเทศดอยคํา
10. เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่าง ๆ เป็นต้น
11. ซอสมะเขือเทศหมักผม ด้วยการใช้มะเขือเทศหมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีน
12. ซอสมะเขือเทศนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นโปรดของคุณให้เงางามเหมือนเดิมได้ ด้วยนำซอสมะเขือเทศมาถูแล้วล้างน้ำออก
13. ซอสมะเขือเทศช่วยในการดับกลิ่นคาว เศษอาหาร กลิ่นปลาสลิดได้เหมือนกันนะ เพียงแค่เปิดฝาซอสทิ้งไว้ 1 คืนเท่านั้น

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on

อาการรอบเดือนกับการลดน้ำหนัก

อาการช่วงมีประจำเดือน

ในช่วงที่เรามีประจำเดือนเราจะมีอาการหลากหลาย บางคนอาจจะอยากอาหารเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ร่างกายจะอมน้ำได้ง่ายกว่าปกติ ทำให้ตัวเราบวมๆ ในช่วงวันนั้นของเดือน บางคนอารมณ์แปรปรวน ฯลฯ ล้วนแต่เป็นผลมาจากฮอร์โมนในร่างกายเราที่เปลี่ยนแปลง อาการตัวบวม เกิดจากการที่ฮอร์โมนบางตัวส่งผลให้ร่างกายสะสมน้ำไว้ในชั้นเนื้อเยื่อร่างกายมากขึ้น ผลก็คือจะทำให้น้าหนักตัวเพิ่ม อึดอัด ตัวบวม เต้านมคัดตึง

โดยรวมคืออาการหงุดหงิดและไม่สบายกับร่างกาย เราเรียกอาการแบบนี้ทางการแพทย์ว่า ”กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน” ( PMS: Premenstrual Syndrome ) หนึ่งในกลุ่มอาการนี้ได้แก่ ตัวบวม หน้าท้องขยาย ร่างกายจะสะสมน้ำเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ผู้หญิงบางคนอาจมีน้ำหนักเพิ่มได้ถึง 1-2 กิโลกรัม  ในช่วงก่อนมีประจำเดือน หลังจากนั้นน้ำหนักจะลดลงได้เอง อาการไม่สบายขณะมีรอบเดือนพบได้หลากหลายกว่า 150 ชนิด แต่เราสามารถแบ่งเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆได้แก่
* เจ้าน้ำตา
* ท้องอืด (นี่เราก็เป็น)
* ขี้โมโห
* ไม่มีแรง
* หิวบ่อย (อันนีก็เป็น เป็นทุกเดือน)
* น้ำหนักขึ้น

อาการหิวบ่อย สาเหตุของอาการหิวบ่อยเกิดจากการที่สาร ”เซโรโทนิน”ในร่างกาย ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนมีรอบเดือนค่ะ ทำให้ร่างกายของเราต้องการคาร์โบไฮเดรตมากกว่าปกติ เพื่อให้ร่างกายใช้ของหวานไปเพิ่มสารตัวนี้ นับว่าเป็นกลไกทางธรรมชาติ เพราะอะไรผู้หญิงจึงได้มีอาการก่อนมีประจำเดือน แพทย์หลายคนจะตอบว่าเป็นเพราะสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ

โดยเชื่อกันว่ามีฮอร์โมนอยู่สองชนิดที่น่าจะเกี่ยวข้องกับอาการนี้ นั่นคือ ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (Progesterone) และ โพรแลกติน (prolactin) ก่อนมีประจำเดือน ฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีระดับสูงขึ้น มีผลทำให้เราหงุดหงิด ขี้โมโห และมีอาการอื่นๆอีกเป็นร้อยอาการทีเดียว

จบทุกปัญหาของผู้หญิง คลิ๊ก

►เคล็ดลับพิเศษ
ปรับร่างกายให้สมดุลย์
♡รีนูว่า วันละเม็ดก่อนนอน

renuva
renuva

 

เคล็ดลับดูแลรูปร่าง คลิ๊ก

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

ควบคุมน้ำหนักไขมันลดลงดื่มนมถั่วเหลืองหรือนมไร้ไขมัน

นมถั่วหลือง

นมไร้ไขมันหรือนมถั่วเหลืองช่วยควบคุมน้ำหนัก

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์เทิร์นอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกาให้อาสาสมัครผู้หญิง ดื่มนมไร้ไขมันและนมถั่วเหลือง วันละ3 แก้ว เป็นเวลา 8 สัปดาห์

ผลการวิจัยพบว่าไม่ว่าจะดื่มนมไร้ไขมันหรือนมถั่วเหลือง

ล้วนช่วยให้น้ำหนักและไขมันลดลงในปริมาณเท่าๆกัน รวมทั้งช่วยให้เอวลดลงด้วย

นมถั่วหลือง
นมไร้ไขมันหรือนมถั่วเหลืองช่วยควบคุมน้ำหนัก

สำหรับผู้ที่ดื่มนมถั่วเหลือง ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น

ปลาตัวเล็กตัวน้อย กุ้งแห้ง กะปิและผักต่างๆ เพิ่มเติมด้วย เพราะป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดแคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

 

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง