Posted on Leave a comment

9วิธี ควบคุมตัวเองไม่ให้กินเยอะ

หัวใจสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก นอกจากจะต้องเลือกอาหารที่ดี มีประโยชน์ และแคลอรี่ไม่สูง เราต้องคำนึงถึงปริมาณที่เรากินเข้าไปด้วยค่ะ

เพราะต่อให้เราเลือกอาหารที่แคลอรี่น้อยขนาดไหน แต่ถ้ากินเข้าไปเยอะๆ แบบไม่ยั้ง ก็ทำให้น้ำหนักเราขึ้นได้เหมือนกันนะ ถ้าเราสามารถ ควบคุมตัวเองไม่ให้กินเยอะ ก็จะส่งผลดีต่อน้ำหนักและสุขภาพร่างกายของเราค่ะ

1. เคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย ตอนซื้อของกิน
เราอาจเคยได้ยินมาว่า เวลาหิวๆ ไม่ควรเดินไปในโซนของกิน เพราะจะทำให้เราซื้อนู้นซื้อนี่มาเยอะแยะ จนต้องกินของที่ซื้อมาจนหมด แต่ต่อจากนี้ ไม่ต้องห้ามใจไม่ให้เดินเข้าไปในโซนที่เลี่ยงยากอีกแล้ว ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ คือ ก่อนจะเดินเข้าไปตามร้านขายของกิน หรือในซูเปอร์มาเก็ตโซนที่ขายอาหาร หรือขนม ให้เราเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วยค่ะ เพราะการเคี้ยวหมาฝรั่งจะทำให้ความอยากอาหารของเราลดลง เคล็ดลับนี้ไม่ได้อ้างขึ้นมาเฉยๆ นะคะ เพราะเคยมีการวิจัยออกมาแล้วว่า คนที่เคี้ยวหมากฝรั่งขณะเดินซื้อของกิน จะซื้อขนมที่มีแคลอรี่สูงๆ มาน้อยลง และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ของส่วนใหญ่ที่ซื้อกลับบ้านมา มักเป็นอาหารเพื่อสุขภาพด้วย! แต่ก็ต้องระวังกันสักนิดนะคะ เพราะหมากฝรั่งบางอย่างก็น้ำตาลสูง แนะนำว่าให้เลือกกินแบบ Sugar-free หรือไม่ก็น้ำตาลน้อยๆ ค่ะ

2. ตักอาหารเพื่อสุขภาพใส่จานก่อน
ไม่ว่าเราจะกินอาหารที่บ้านหรือไปกินบุฟเฟ่ต์มื้อหนักๆ ข้างนอก ถ้าเราอยากควบคุมปริมาณอาหารที่กินเข้าไปให้น้อยลง ก็ทำได้ไม่ยากค่ะ ด้วยการ ตักเอาผัก หรือพวกอาหารแคลอรี่น้อยๆ ใส่จานให้เต็มก่อน ทีนี้เราก็จะเหลือพื้นที่สำหรับใส่อาหารแคลอรี่สูงๆ ได้น้อยลงแล้ว

3. เปย์ด้วยเงินสด
การใช้บัตรเครดิต จะทำให้เราซื้ออาหารได้ง่ายขึ้น รูดเอาๆ ก็ได้ของกินมาเพี๊ยบแบบไม่ทันรู้ตัวเลยล่ะ ถ้าเราลองใช้เงินสด และลองพกเงินในกระเป๋าตังค์น้อยๆ ก็จะช่วยให้เราซื้อได้น้อยลง ไม่ใช่ว่ามันลดความยากกินนะ แต่ถ้าซื้อเยอะกว่านี้ คงได้กินแกลบแทนข้าวแน่ๆ เลย

4. ปิดพวกรายการทีวีทำอาหาร
ความมีเสน่ห์ของรายการอาหาร ก็คือ ภาพของอาหารที่มันชวนให้น่ากินเนี่ยแหละค่ะ ถึงกับมีงานวิจัยออกมาแล้วนะคะว่า คนเราจะกินอาหารเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ดูรายการทำอาหารไปด้วย

5. ใช้จาน ชามสีฟ้าลดความอยากอาหาร
เชื่อไหมว่า สีของจานอาหารก็ช่วยลดความอยากอาหารได้ด้วยนะ ซึ่งจานสีฟ้าจะช่วยลดความอยากอาหารของเราได้ค่ะ ใครอยากลดปริมาณอาหารที่กินแต่ละมื้อ ลองเปลี่ยนจานสีสดๆ มาเป็นโทนเบาๆ อย่างสีฟ้าแทนสิคะ

6. ใช้จาน ชามขนาดเล็ก ช่วยทำให้อาหารดูเยอะ ทั้งๆ ที่น้อย
ขนาดของจาน มีความสัมพันธ์กับการกินของเรา ถ้าเราใช้จานใบใหญ่ สมองเราก็จะสั่งการว่า เราต้องกินในปริมาณเท่านี้ และแน่นอนว่า ถ้าใช้จานใบใหญ่ ก็หมายถึงว่าอาหารที่เรากินเข้าไปต้องเยอะตาม เพื่อลดปริมาณอาหาร ไม่ให้ตัวเองกินเยอะเกินไป ขอแนะนำว่าให้ใช้จานใบเล็กๆ ใส่อาหาร และก็กินแค่ที่มีในจานก็พอค่ะ

7. ขอให้การกินเป็นตัวเลือกสุดท้ายเมื่อเราเครียด
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเรากินอาหารได้มากขึ้น ก็มาจากความเครียดในชีวิต เคยได้ยินไหมคะว่า “ยิ่งเครียดยิ่งกินเยอะ” เครียดอะไรมาก็พุ่งเข้าหาของกินไว้ก่อน ด้วยเหตุนี้ เพื่อควบคุมตัวเราไม่ให้กินเยอะมากเกินไป ลองหักห้ามใจตัวเองดูค่ะ พอเครียดปุ๊ป ก็ให้เบี่ยงเบนไปทำอย่างอื่นแทนการกินสักประมาณ 5-10 นาที และลองถามใจตัวเองว่า ยังรู้สึกหิวอยู่หรือเปล่า เพราะบางทีเราอาจจะไม่ได้รู้สึกว่าหิวจริงๆ ค่ะ เราแค่หาทางออกด้วยการกินเท่านั้น

8. เอาขนม ของหวานวางไว้ในที่ไกลจากสายตา
บางทีเรากินนู้นกินนี่บ่อยๆ เพราะเราเห็นมันเป็นประจำก็ได้ เห็นทีก็หิวที เพื่อระงับอาการหิว ก็ควรทำยังไงก็ได้ไม่ให้เราเห็นของพวกนั้นบ่อยๆ นั่นก็คือ เอาของกิน กระปุกของหวาน ไปวางไว้ในที่ไกลสายตา วางในจุดที่เราจะไม่หันไปมองเห็นได้บ่อยๆ มีการทดลองหนึ่งบอกว่า พอให้พนักงานออฟฟิศวางช็อกโกแลตบนโต๊ะ ปรากฏว่า กว่า 45% กินช็อกโกแลตที่อยู่บนโต๊ะมากกว่ากระปุกของหวานที่วางไกลจากที่นั่ง 6 ฟุต และจะกินช็อกโกแลตลดลง 25% เมื่อเอาช็อกโกแลตวางไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานค่ะ เห็นไหมคะว่า การเอาของกินวางไกลๆ สายตาเรา ก็ช่วยลดการกินบ่อยๆ ได้เช่นกันนะ

9. กินช้าๆ และดื่มน้ำเยอะๆ
อีกหนึ่งเคล็ดลับสุดท้าย ที่จะทำให้เรากินได้น้อยลง นอกจากจะตักใส่จานใบเล็กๆ ควบคุมปริมาณให้น้อยลงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำก็คือ ควรกินช้าๆ ค่ะ ก็จะช่วยให้เราอิ่มเร็ว กินได้น้อยกว่ากินเร็วๆ แล้วก็ในระหว่างที่กินอาหาร ก็ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ ด้วย เพราะน้ำจะทำให้รู้สึกอิ่มง่าย

พักนี้ใครรู้สึกว่า ควบคุมเรื่องการกินไม่อยู่ ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูค่ะ เคล็ดลับใกล้ตัวที่ทำได้ไม่ยากเลย แต่เราก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนอดข้าว อดน้ำ หรือกินน้อยเกินไปนะคะ ควรกินให้อยู่ในระดับที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และควบคุมตัวเองไม่ให้กินเยอะกว่าปริมาณปกติค่ะ

 

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด กระบองเพชรอินเดีย
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

ชาเขียวกำจัดหน้าท้อง

ชาเขียว

สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว
ไม่เพียงช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่างๆเท่านั้นแต่ยังช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย

ผลการวิจัยพบว่าผู้ออกกำลังกาย ซึ่งดื่มชาเขียววันละ 4 ถ้วย เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยให้ไขมันหน้าท้องลดลงมากกว่าผู้ที่ออกกำลังกายเหมือนกัน แต่ดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอื่นๆ ถึง 8เท่า นักวิจัยเชื่อว่า เป็นเพราะสารในชาเขียว ช่วยเร่งให้ไขมันสลายไปเร็วขึ้น

TIP นักวิจัยในญี่ปุ่นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดจับตัวการซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอุดตันใน Siri เลือดโดยผลการวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละห้าขวดเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองลงได้ 62 เปอร์เซ็นต์

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

10ประโยชน์เมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทอง

ในเมล็ดฟักทองมี แมงกานีส แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง สังกะสี เหล็ก ทริปโตเฟนและโปรตีน อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของวิตามิน E K C และ B นอกจากนี้เมล็ดฟักทองยังอุดมไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลายชนิด ข้อดีของเมล็ดฟักทองคือ มีผลผลิตตลอดทั้งปี ไม่ต้องแช่เย็น พกพาได้สะดวก และยังมีรสชาติหวานอร่อย เป็นอาหารว่างชั้นดีที่คุณควรมีติดบ้านหรือสำนักงานไว้ และนี่คือ 10 คุณประโยชน์ของเมล็ดฟักทอง

1. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
การบริโภคเมล็ดฟักทองสามารถช่วยลดระดับของ LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี) ในร่างกายของเราได้ ใน 2012 วารสารทางการแพทย์ของแอฟริกันได้ตีพิมพ์ข้อมูลหนึ่ง นักวิจัยพบว่า หนูที่เลี้ยงด้วยเมล็ดฟักทองมีระดับ HDL (คอเลสเตอรอลชั้นดี) เพิ่มขึ้นและระดับ LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี) ลดลงอย่างเห็นได้ชัด กินเมล็ดฟักทองอบแห้ง 2-4 ช้อนโต๊ะทุกวัน โดยไม่ต้องเพิ่มเกลือหรือปรุงรสใดๆเพื่อช่วยลดระดับ LDL ของคุณ

2. การควบคุมน้ำตาลในเลือด
ใน 2010 วารสารโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนได้ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเมล็ดฟักทองกับโรคเบาหวาน การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เมล็ดฟักทองสามารถช่วยควบคุมระดับอินซูลินและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานโดยการลดสภาวะความเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) นอกจากนี้ยังพบว่ามีสารเคมีในน้ำมันเมล็ดฟักทองช่วยป้องกันโรคไตจากเบาหวานได้อีกด้วย คนที่เป็นโรคเบาหวานสามารถรับประมาณเป็นอาหารว่างเพื่อสุขภาพ โดยกินได้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน

3. ต่อต้านโรควิตกกังวล
ในปี 2007 การศึกษาของ Canadian Journal of Physiology and Pharmacology พบว่าทริปโตเฟน (tryptophan) ที่พบในเมล็ดฟักทองช่วยบรรเทาความวิตกกังวล สมองใช้​ทริปโตเฟนเพื่อทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและสบายใจ หากร่างกายมีทริปโตเฟนน้อยเกินไปก็สามารถนำไปสู่​​ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติท​​างอารมณ์อื่นๆ เมื่อคุณรู้สึกว่ามีเครียดมากหลังจากวันทำงานที่ยาวนาน รับประทานเมล็ดฟักทองคั่วจะช่วยให้คุณสงบลงได้

4. บรรเทาอาการโรคข้ออักเสบ
เมล็ดฟักทองและน้ำมันในเมล็ดมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดและการอักเสบในข้อต่อ จึงเป็นประโยชน์มากในการรักษาโรคข้ออักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเข่าเสื่อมและโรคไขข้ออักเสบ ในปี 1995 วารสารเภสัชวิทยาวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันเมล็ดฟักทองพบว่า สามารถรักษาโรคข้ออักเสบได้และยังไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย เพื่อลดการอักเสบของโรคข้ออักเสบ ควรการนวดบริเวณที่ได้รับผลกระทบด้วยน้ำมันเมล็ดฟักทองวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 10 นาที

5. ดีต่อกระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมาก
เมล็ดฟักทองสามารถป้องกันภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ (Overactive Bladder) และช่วยรักษาอาการต่อมลูกหมากโต โดยสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่พบในเมล็ดฟักทองช่วยลดขนาดต่อมลูกหมากโตได้ นอกจากนี้สังกะสียังช่วยลดการปัสสาวะบ่อยในช่วงเวลากลางคืน

6. ปกป้องกระดูก
เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน แร่ธาตุเหล่านี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของกระดูกหัก การรับประทานเมล็ดฟักทอง 1/4 ถ้วยทุกวัน สามารถลดอาการโรคกระดูกพรุนได้

7. ปรับปรุงสุขภาพหัวใจ
เมล็ดฟักทองมีแมกนีเซียมที่จะช่วยในการทำงานของหัวใจและช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง ทั้งมีบทบาทสำคัญในจังหวะการเต้นของหัวใจซึ่สามารถป้องกันการเกิดหัวใจหยุดเต้นฉับพลันได้ และทองแดงในเมล็ดฟักทองยังช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดงและเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนในเลือด

8. ป้องกันสู้พยาธิในลำไส้
เมล็ดฟักทองมีคุณสมบัติที่ช่วยในการกำจัดพยาธิตัวตืด พยาธิเข็มหมุดและปรสิตอันตรายอื่น ๆ ในลำไส้ ข้อมูลจากหนังสือ The Doctors Book of Home Remedies.

9. การนอนหลับ
เมล็ดฟักทองมีทริปโตเฟนอยุ่เป็นจำนวนมากซึ่งร่างกายใช้แปลงเป็นเซโรโทนิน (serotonin) และเมลาโทนิน (Melatonin) เพื่อช่วยในการนอนหลับพักผ่อนยามค่ำ​​คืน ผสมผงเมล็ดฟักทอง 1 ช้อนโต๊ะในแก้วนมอุ่นๆทานก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

10. ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยสังกะสีที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของคุณ หากขาดธาตุสังกะสีมากๆจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ เป็นหวัดง่าย เกิดสิวและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้เมล็ดฟักทองยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิดที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย อย่างเช่นซีลีเนียมจะช่วยร่างกายสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

7 อาหารตัวช่วย ลดอาการบวมน้ำ แก้ท้องอืด

บงมน้ำ

หลายๆ คนที่กำลังพยายามลดน้ำหนักลดหุ่น ดูแลรูปร่างให้สวยงาม เต็มที่ทั้งการออกกำลังกาย เลือกทานแต่อาหารสุขภาพแม้ตัวเลขน้ำหนักบนตราชั่งจะได้อย่างที่ตั้งใจ แต่พอหันมาดูที่ทรวดทรงองค์เอวของตัวเอง กลับยังรู้สึกว่ามันยังดูบวมๆ อืดๆ เหมือนไขมันส่วนเกินในร่างกายไม่ได้จากไปไหน

สาเหตุที่ทำให้ร่างกายบวมน้ำ
อาการแบบนี้น่าจะเป็นสัญญานบ่งบอกว่าคุณอาจอยู่ภาวะที่ร่างกาย “บวมน้ำ” ซึ่งมีที่มาได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม เพราะ โซเดียม เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการบวมน้ำ ซึ่งร่างกายต้องเก็บน้ำไว้เพื่อช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากไต รวมทั้งยังอาจเกิดจากการกินอาหารที่มีไฟเบอร์หรือกากใยมากเกินไป ส่งผลให้ท้องอืด รวมทั้งกลุ่มอาหารที่มีแก๊สสูง เช่น สะตอ หน่อไม้ฝรั่ง ชะอม และถั่วงอก แต่อาหารเหล่านี้สามารถลดแก๊สได้ด้วยการเลือกรับประทานที่ปรุงสุกแล้ว นอกจากนี้คุณผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวันนั้นของเดือน ก็อาจส่งผลให้ร่างกายในช่วงเวลาดังกล่าวมีอาการตัวบวมได้เช่นกัน

7 อาหารตัวช่วย ลดอาการบวมน้ำ แก้ท้องอืด
สาวๆ อย่าเพิ่งกังวลใจ เพราะอาการตัวบวมน้ำ หรือพุงป่องเนื่องจากท้องอืด สามารถดูแลให้ลดลงได้ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้

1.แตงกวา
ในแตงกวาจะมีสารเควอซิทิท (quercetin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวมที่เกิดจากการสะสมน้ำในร่างกายเกิมความจำเป็น นอกจากนี้ แตงกวา ยังมีวิตามินซี ซึ่งดีต่อผิวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี

แตงกวา

2.อะโวคาโด
เพราะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ปราศจากฟรุกโตสและซอร์บิทอล ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการท้องอืดและก๊าซ นอกจากนี้ อะโวคาโด ยังมีเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งช่วยในการย่อยแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ช่วยให้การย่อยอาหารของเราดีขึ้น ทำให้ไม่เกิดกรดในกระเพาะอาหาร

อะโวคาโด

3.มะเขือเทศ
อุดมไปด้วย โพแทสเซียม ช่วยลดอาการท้องอืดได้โดยการลดระดับโซเดียมในร่างกาย ในมะเขือเทศมีน้ำค่อนข้างเยอะ เมื่อรับประทานแล้วจะช่วยให้ร่างกายลดความต้องการของเหลวจากแหล่งอาหารอื่น

มะเขือเทศ

4.กีวี
ใน กีวี จะมีสารเอนไซม์แอกทินิดิน (actinidin) ซึ่งเป็นเอนไซม์ธรรมชาติที่ช่วยย่อยโปรตีนและป้องกันไม่ให้ท้องอืดได้ รวมทั้งเป็นแหล่งเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร ป้องกันไม่เกิดอาการท้องอืด

กีวี

5.แตงโม
แตงโม เป็นผลไม้ที่มีน้ำค่อนข้างเยอะถึงร้อยละ 90 น้ำที่ได้จากการรับประทานแตงโมนอกจากจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นแล้ว ยังช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ปรับสมดุลของน้ำและโซเดียมในร่างกายให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

แตงโม

6.หน่อไม้ฝรั่ง
แพทย์ผู้เชียวชาญกล่าวว่า สาเหตุของการบวมน้ำมักเป็นผลมาจาก เซลล์ในร่างกายกักเก็บน้ำส่วนเกินเอาไว้ โดยที่ไตไม่ได้รับสัญญาณที่จะปล่อยน้ำ หน่อไม้ฝรั่ง ช่วยทำหน้าที่เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติเพื่อช่วยให้ร่างกายขับส่วนเกินของร่างกายน้ำได้ดีขึ้น

หน่อไม้ฝรั่ง

7.ผักใบเขียว
ผักใบเขียว มีส่วนผสมของแมกนีเซียม ที่ช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะพวกโซเดียม แคลเซียม โพแทสเซียม และ ฟอสเฟต รวมทั้งช่วยปรับสมดุลของเหลวในร่างกาย ซึ่งช่วยลดการเกิดท้องอืดได้

ผักใบเขียว
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสาวๆ กับผักผลไม้ที่กินช่วยลดอาการบวมน้ำภายในร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม ควรพยายามลดกินโซเดียมหรือลดการกินเค็มให้น้อยลงไปด้วยจะดีที่สุด เพราะรสเค็มเป็นตัวการทำให้ร่างกายบวมน้ำนั่นเอง แถมทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผลอีกด้วย

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

ประโยชน์เห็ด3อย่าง

เห็ดสามอย่าง

กินเห็ดสามอย่างต้านโรค ล้างสารพิษ

ไม่แปลกใจที่เดี๋ยวนี้ไปตามตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต จะเห็นร้านที่ทำต้มยำเห็ดรวม, ยำเห็ด, แกงส้มเห็ด หรือแกง และต้มยำใดๆ ล้วนแต่นำเห็ดหลากหลายชนิด โดยนำพระเอกนางเอกชูโรงคือ ‘เห็ด’ เลย เมื่อก่อนยังได้เห็นว่าเห็ดถูกนำมาเป็นตัวประกอบในการปรุงอาหารสักหนึ่งเมนูเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ฉายเดี่ยวเป็นเมนูที่คนนิยมนำมาปรุงสุก และทานเห็ดกันอย่างแพร่หลาย

เห็ดสามอย่าง
ข้อมูลความรู้ในเรื่องการกินเห็ดที่ได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะกินในรูปแบบแกงหรือต้มยำหรือย่าง ก็มีคุณค่าเหมือนกัน โดยเราอธิบายไว้เป็นข้อๆ ดังนี้

1. เห็ดสามชนิด? ที่นำมาทานคือ
เห็ดอะไรก็ได้ ที่กินได้อย่างน้อยสามชนิด เอามาปรุงสุก ทำยำ แกง ต้ม ได้หมด หรือลวกกินเปล่าๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่เมนูเด็ดที่ทำให้การกินเห็ดได้ไม่รู้เบื่อ คือต้มยำเห็ด ที่ได้รสชาติแซ่บ แถมยังได้ประโยชน์อีกด้วย หรือหากใครขี้เบื่อ จะเอาเห็ดสามอย่างมาต้มสุก และกินน้ำของเขาก็ได้อยู่

2. เห็นที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา
เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็นหูหนูขาว ดำ เห็นชิเมจิขาว เห็ดเข็มทอง เห็ดหอม เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดหลินจือ เป็นต้น

3. เห็ดช่วยรักษาโรค
ตับ ซีสต์ เนื้องอก มะเร็ง ป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือด และโรคกระเพาะ ล้างสารพิษในโรคต่างๆ ได้ เรียกว่า คุณประโยชน์ครบครัน ได้รสชาติอร่อย อิ่ม และมีประโยชน์

4. ผลลัพธ์ที่ได้จากการกินเห็ด
มีหลายคนบอกว่า หากกินเห็ดสามอย่างเป็นประจำ อาการคนที่เป็นซีสต์เนื้องอกจะลดลง หรือในผู้ป่วยที่เป็นซีสต์ในมดลูก เห็ดจะช่วยล้างสารพิษในร่างกายออกไปได้อย่างดี เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจที่ร้านทำต้ม แกงเห็ด ขายเปิดอยู่มากมายทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะได้รับความนิยมอย่างนี้เอง

5. หาซื้อที่ไหน?
ตามท้องตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ชั้นนำ หรือถ้าเราขี้เกียจ ก็ไปที่ร้านที่มีเมนูเห็ดให้เขาต้มยำให้เสร็จพร้อมกินเลย ….
เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งรีบเชื่อ อยากให้ทุกคนได้ลองหาชิมหาทานกันก่อน แล้วจะรู้ว่าประโยชน์เหลือคณานับ อีกทั้งยังหาซื้อง่าย ราคาปานกลาง ลองทานแล้วจะติดใจ อ้อ..เขาบอกว่า ทานเห็ดหนึ่งอย่างไม่รักษาโรคแค่มีประโยชน์ แต่ถ้าทานสามอย่างเป็นประจำ ต้านโรคได้แน่นอน

เห็ดสามอย่าง

ประโยชน์ของเห็ด 3 อย่าง เมื่อนำมารวมกันปรุงอาหาร คือ
สามารถช่วยล้างพิษที่สะสมในตับ ทั้งจากอาหารและสารเคมี เช่น พิษจากสุรา สารตกค้างในเนื้อสัตว์
สารเคมีจากเครื่องสำอาง (ลิปสติกสีสด ยาย้อมผม)สามารถช่วยให้การทำงานของตับแข็งแรงขึ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงดีส่งผลทำให้อารมณ์ดี
สามารถช่วยล้างพิษพวกอนุมูลอิสระ ซีสต์ เนื้องอก มะเร็ง อัลฟาท็อกซิล ไวรัสตับอักเสบ สเก็ดเงิน
สามารถช่วยล้างไขมันในตับ

เห็ดสามอย่าง
วิธีการปรุง
นำเห็ดที่ทานได้อย่างน้อย 3 อย่าง เช่น เห็ดหูหนูต่างๆ เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดโคน เห็ดเข็มทอง
ปรุงเป็นอาหาร เช่น ยำ ใส่ในแกงจืด แกงเลียง แกงส้ม ไข่ตุ๋น
ต้มน้ำดื่มจะผสมใบมะตูม ใบเตยหรือเพิ่มน้ำตาลกรวด

**ข้อควรหลีกเลี่ยง การผัดกับน้ำมันพืช

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

ควบคุมน้ำหนักไขมันลดลงดื่มนมถั่วเหลืองหรือนมไร้ไขมัน

นมถั่วหลือง

นมไร้ไขมันหรือนมถั่วเหลืองช่วยควบคุมน้ำหนัก

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์เทิร์นอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกาให้อาสาสมัครผู้หญิง ดื่มนมไร้ไขมันและนมถั่วเหลือง วันละ3 แก้ว เป็นเวลา 8 สัปดาห์

ผลการวิจัยพบว่าไม่ว่าจะดื่มนมไร้ไขมันหรือนมถั่วเหลือง

ล้วนช่วยให้น้ำหนักและไขมันลดลงในปริมาณเท่าๆกัน รวมทั้งช่วยให้เอวลดลงด้วย

นมถั่วหลือง
นมไร้ไขมันหรือนมถั่วเหลืองช่วยควบคุมน้ำหนัก

สำหรับผู้ที่ดื่มนมถั่วเหลือง ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น

ปลาตัวเล็กตัวน้อย กุ้งแห้ง กะปิและผักต่างๆ เพิ่มเติมด้วย เพราะป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดแคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

 

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

โพแทสเซียมช่วยให้อายุยืน

ผลการวิจัยจากสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ที่ร่างกายได้รับโพแทสเซียมต่ำและรับประทานเกลือสูง มีแนวโน้มจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเสี่ยงที่จะหัวใจวายเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า

อย่างไรก็ตามนักวิจัยพบว่าการรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง ช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรลงได้ 20 เปอร์เซ็นต์ โดยอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง ได้แก่ กล้วย มันฝรั่งมันเทศ แครอท มะเขือเทศ และมะละกอ เป็นต้น

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส

Posted on Leave a comment

กินป้องกันเหี่ยว

แสงแดดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำร้ายผิวหนังนอกจากเสี่ยงเป็นมะเร็ง แล้วยัง…
ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรอีกด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอยด์สูง..ช่วยลดอาการดังกล่าว

จากการทดสอบให้ผู้หญิงรับประทานสารฟลาโวนอยด์ วันละ 329 มิลลิกรัม(เท่ากับดื่มเครื่องดื่มช็อกโกแลตเข้มข้น3.5ออนซ์) เป็นเวลา 12 สัปดาห์

พบว่าช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังมีรอยแดงจากการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานได้ 25 เปอร์เซ็นต์ เพราะฟลาโวนอยด์ มีส่วนช่วยให้เลือดภายในเซลล์ผิวหนังไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงป้องกันเซลล์ผิวหนังจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้

อาหารที่มีโฟลวานอยด์สูง ได้แก่ช็อกโกแลต ชาดำ ชาเขียว กะหล่ำปลี แอปเปิ้ลแดง และบรอกโคลี เป็นต้น

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส

Posted on Leave a comment

อย่ามองข้ามมันเทศ

มันเทศอุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซีโฟเลต วิตามินอี ธาตุเหล็ก แคลเซี่ยม
นอกจากนี้ ยังมีไฟเบอร์สูงอีกด้วย

เมื่อเทียบกันแล้ว มันเทศมีสารอาหารต่างๆมากกว่าแครอท และมันฝรั่งเสียอีก และถ้าหากรับประทานมันเทศทั้งเปลือก จะช่วยให้ร่างกายได้รับ..เบต้าเคโรทีนเพิ่มขึ้น ถึง4 เท่า

ผลการวิจัยพบว่าการที่มันเทศ  มีสารอาหารสำคัญต่างๆสูง  ช่วยป้องกันโรคร้ายหลายโรค  เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง  รวมทั้งอัลไซเมอร์ด้วย

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส

 

Posted on Leave a comment

เคล็ดลับหน้าเด็กตลอดกาล

เคล็ดลับหน้าเด็ก

การดูแลรักษาผิวหน้า…ชะลอความหย่อนยาน เคล็ดลับหน้าเด็กตลอดกาล


ความหย่อนคล้อย หรือเหี่ยวย่นของผิวหน้า เป็นสิ่งที่สาวๆ ทุกคนประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าความตายเสียอีก โดยเฉพาะ… หากเป็นความเหี่ยวย่นที่มาถึงก่อนเวลาอันควร ยิ่งน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน สำหรับสาวๆ ที่ต้องแต่งหน้าทุกวันเพื่อไปทำงาน บางคนอายุเพียงแค่ 30 ปีกว่าๆ ก็มีผิวที่หย่อนยานลงซะแล้ว…

มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว หลักๆ คือการขาดความรู้เรื่องผิวพรรณ และวิธีการดูแลที่ถูกต้อง เช่นการใช้เครื่องสำอางที่ไม่ถูกกับสภาพผิว อาจมากเกินไป หรือน้อยเกินไป เป็นต้น

วิธีการดูแล
ควรนวดหน้าทุกคืนด้วยตนเอง เป็นการกระตุ้นให้เซลล์ตื่นตัว เพื่อสร้างเซลล์ใหม่และผลัดเซลล์เก่าออก ทั้งยังช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตไปหล่อเลี้ยงผิวดีขึ้น กล้ามเนื้อจะกระชับ ทำให้การหย่อนยานลดลง ส่วนการกดจุดบนใบหน้าวันละครั้ง ก็สามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น เราสามารถกดจุดได้ทุกที่และทุกเวลา

เครื่องสำอางบางชนิดที่มีสรรพคุณกระชับผิวที่หย่อนยานให้เต่งตึงขึ้นก็สามารถช่วยได้ แต่ต้องทำเป็นประจำ มีให้เลือกหลายชนิด และมีชื่อต่างกันไป เช่น Essence Lighting Cream จะลองดูก็ได้ บางคนใช้ได้ผล ส่วนคนที่ใช้บ้างไม่ใช้บ้างอาจไม่ได้ผล สำหรับผู้ทีมีอายุมาก เช่น คน อายุ 60 ปีขึ้นไป อาจได้ผลน้อย
สำหรับท่านที่มีงบน้อย แนะนำให้ใช้ของในครัวเรือน เช่น น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าวชนิดหีบเย็นนวดหน้า หลังจากนวดแล้วให้พอกผิวด้วยสูตรผักรวมบด เพื่อกระตุ้นให้ผิวสดชื่นเต่งตึงขึ้น ทำความสะอาดแล้วหลังจากนั้นใช้โลชั่นแตงกวาชโลมให้ทั่วใบหน้า สมานผิวกระชับรูขุมขน

สูตรบำรุงผิวจากธรรมชาติ
สูตรผักบด
• ใช้กับทุกสภาพผิว ประกอบด้วย แตงกวา มะเขือเทศ แครอท อะโวคาโด บดแล้วผสมนมผงให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ผิวจะขาวเต่งตึงขึ้น
โลชั่นแตงกวา
• ปั่นแตงกวาให้ละเอียด ใช้ผ้าขาวบางกรองให้เหลือแต่น้ำ ผสมน้ำสะอาดเท่าตัว ใส่ภาชนะมีฝาปิด นำไปแช่เย็น นำมาเป็นโลชั่นกระชับรูขุมขน ลดความมันได้
• ส่วนเนื้อของแตงกวา นำมาผสมกับไข่ไก่ 1 ฟอง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก จะทำให้ผิวที่หยาบกร้านหลุดออกไป ผิวหน้าจะสดชื่นเปล่งปลั่ง (แตงกวาควรเลือกที่ปลอดภัยจากสารเคมี)

เคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงเปล่งปลั่ง คือ การนวดหน้าอย่างสม่ำเสมอที่ทำได้ทุกวัน บางคนเข้าใจผิดคิดว่าการนวดหน้าทำให้ผิวเหี่ยวย่น จริงๆ แล้ว การนวดหน้าทำให้การไหลเวียนของโลหิตที่ไปหล่อเลี้ยงผิวนั้นดีขึ้น และยังกระตุ้นให้เซลล์เก่าและรูขุมขนขับน้ำมันออกมาตามปกติ การนวดหน้าสามารถทำได้ด้วยตนเองนะคะ ถึงจะเป็นแม่บ้าน เป็นสาวก้นครัว แต่ก็ยังสวยได้จริงๆ ค่ะ

✦คลิกที่รูป

❥ไม่ง้อเข็ม…

✦บอกลา ริ้วรอย ชะลอความชรา
สเปรย์ทั่วใบหน้า รักนางเลย??

✦เป๊ะเว่อร์ สีผิวสม่ำเสมอ ริ้วตื้น หน้าเรียบเนียน รูขุมขนตื่น ปรับรูปหน้า เริ่ดๆ ??