Posted on Leave a comment

สรรพคุณของพริก

สรรพคุณของพริก

เมื่อเอ่ยถึงพริกทุกคนคงรู้สึกได้ถึงความเผ็ด แต่พริกก็เป็นเครื่องเทศหลักที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน คุณรู้ไหมว่านอกจากความเผ็ด จัดจ้านของพริกแล้ว พริกยังมีประโยชน์อีกมากมาย

พริก…ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ช่วยให้ระบบการหายใจสะดวกสบายยิ่งขึ้น สารแคปไซซินที่อยู่ในพริกมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำมูกหรือลดปริมาณสารที่ขัดขวาง ระบบการหายใจ ในผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด ไซนัส หรือโรคภูมิแพ้ต่างๆ ช่วยบรรเทาอาการไอ สารแคปไซซินเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของตัวยาหลายๆ ชนิด นอกจากนั้นสารเบตาแคโรทีนในพริกช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ในบริเวณเนื้อเยื่อบุผนังช่องปาก จมูก ลำคอ และปอด

พริก…ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด หรือการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตัน การบริโภคพริกเป็นประจำจะช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากการอุดตันของเส้นเลือด นับเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจล้มเหลว เนื่องจาก

พริกช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นและช่วยลดความดัน เพราะว่าในพริกมีสารจำพวกเบตาแคโรทีนและวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรงเพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ปรับตัวเข้ากับแรงดันระดับต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

พริก…ช่วยลดปริมาณสารคอเลสเตอรอล สารแคปไซซินช่วยป้องกันมิให้ตับสร้างคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Low density lipoprotein) ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้มีการสร้างคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-high density lipoprotein) มากขึ้น ทำให้ปริมาณของไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดต่ำลง เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค

พริก…ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากพริกเป็นพืชผักที่มีวิตามินซีสูง การบริโภคอาหารที่มีวิตามินซีมากๆ จะช่วยปกป้องการเกิดโรคมะเร็งได้ วิตามินซียับยั้งการสร้างไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร วิตามินซีช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบของกระดูกอ่อน รวมถึงเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง กล้ามเนื้อและปอด คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สามารถหยุดการแพร่กระจายของเซลล์เนื้อร้ายได้
พริก…ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด เช่น ลดอาการปวดฟัน บรรเทาอาการเจ็บคอ และการอักเสบของผิวหนัง เป็นต้น ในปัจจุบันมีการใช้สารแคปไซซินเป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้ง ใช้บรรเทาอาการปวด อันเนื่องมาจากผดผื่นคันและอาการผื่นแดงบริเวณผิวหนัง รวมทั้งอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น โรคเกาต์ หรือโรคข้อต่ออักเสบ เป็นต้น นอกจากนี้ผลการทดลองใหม่ๆยังบ่งชี้ว่าสารแคปไซซินช่วยลดอาการปวดศีรษะและไม เกรนลงได้

พริก…ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและอารมณ์ดี เนื่องจากสารแคปไซซินมีส่วนในการส่งสัญญาณให้ต่อมใต้สมองสร้างสาร เอนดอร์ฟิน (endorphin) ขึ้น สารเอนดอร์ฟินเป็นเปปไทด์ขนาดเล็ก (โปรตีนสายสั้นๆ) มีคุณสมบัติคล้ายมอร์ฟีน คือ บรรเทาอาการเจ็บปวด ในขณะเดียวกันก็สร้างอารมณ์ให้ดีขึ้น ยิ่งรับประทานเข้าไปมากเท่าใด ร่างกายก็จะสร้างเอนดอร์ฟินขึ้นมามากขึ้นเท่านั้น ปกติร่างกายของคนเราจะสร้างสารเอนดอร์ฟินขึ้นภายหลังการออกกำลังกาย ดังนั้นการออกกำลังกายแม้จะทำให้ร่างกายเมื่อยล้า แต่ผู้ออกกำลังกายจะรู้สึกสดชื่นแจ่มใส
ไม่น่าเชื่อว่าพริกเม็ดเล็กๆที่เป็นส่วนประกอบของอาหารหลายอย่างจะมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ แต่ก็อย่ากินมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบปาก แสบท้องได้

เคล็ดลับดูแลรูปร่าง เดนิมพลัส วันละเม็ด เผาผลาญไขมันสะสม ดักจับไขมัน บล็อคแป้ง ไม่ต้องอดอาหาร ไม่โย่ ไม่โทรม ปลอดภัย GMP ฮาลาล อย.

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on

กินหวาน โมโหง่าย

กินหวาน โมโหง่าย

การกินหวาน โมโหง่าย จริงหรือ?

กินหวาน โมโหง่าย เวลาที่เรา โมโห หรือ หงุดหงิดอะไรสักอย่าง เคยเจอเพื่อน แซวกันมั้ยว่า “ไปกินหวานมาเยอะใช่มั้ย” “เพิ่งไปกินน้ำตาลมาหรอ” และอีกคำสารพัดที่ไปโยงความหงุดหงิดเข้ากับความหวาน จนมีความเชื่อเกิดขึ้นมาว่า “กินหวานแล้วโมโหง่าย” หรือแม้กระทั่ง อย่าให้สุนัขกินของหวาน เพราะจะทำให้มันดุ
.
ความเชื่อนี้ ไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อที่พูดกันเล่นๆ เท่านั้นนะ เพราะนักวิทยาศาสตร์มีการทดลองอย่างจริงจังเพื่อพิสูจน์ว่ากินน้ำตาลมากไปจะทำให้โมโหและหงุดหงิดง่ายจริง วิธีการทดลองมีอยู่ว่า ไม่ให้ผู้ทดลองกินน้ำตาลอย่างเด็ดขาด ดังนั้นอาหารที่ทำให้ผู้ทดลองทานก็จะใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล และใช้น้ำผลไม้แทนน้ำอัดลม เวลาผ่านไปสามเดือน พบว่าสถิติการทะเลาะวิวาทของผู้ทดลองลดลงถึง 45% ทีเดียวเชียว
.
สาเหตุที่ทำให้น้ำตาลกลายเป็นปัจจัยให้คนเราหงุดหงิดง่ายขึ้น เป็นเพราะว่า เวลาที่เรากินน้ำตาลเข้าไปมากๆ จะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสและถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ปริมาณน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
.
กฏของร่างกายมีอยู่ว่าถ้ามีปริมาณน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น สมองจะสั่งการให้หลั่งอินซูลินออกมาเพื่อปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลง และตับอ่อนก็จะทำงานหนัก แต่ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้เครียด สมองก็จะส่งสัญญาณเตือนมาอีกและหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลินออกมา ซึ่งถ้ามากเกินไปจะทำให้การควบคุมจิตใจเป็นไปไม่ปกติ เลือดร้อน โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย และก้าวร้าวอีกด้วย
.
พฤติกรรมก้าวร้าว โมโหฉุนเฉียว เชื่อว่าเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมากันโดยไม่รู้ตัว และไม่รู้ด้วยว่าเป็นผลที่อาจเกิดได้จากการกินน้ำตาลมากจนเกินไป ดังนั้นถ้าเรา ปรับลดพฤติกรรมการกินหวานหรือลดการตักน้ำตาลไปบ้าง ก็น่าจะเป็นผลดีกับน้องๆ ทำให้สภาพจิตใจเป็นปกติ สดใสสมเป็นวัยรุ่น และที่สำคัญช่วยลดอาการร่างกาย “ติดหวาน” จนเป็นที่มาของโรคในอนาคตด้วยค่ะ
.
นับวันยิ่งเห็นโทษของการกินของหวานโดยเฉพาะน้ำตาล แม้ว่าความหวานจะทำให้อาหารที่อยู่ตรงหน้าอร่อยขึ้น แต่โทษของมันก็มีมากกว่าที่คิด ไหนจะทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง แล้ว ยังทำให้เราดุ โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย หลายเป็นคนก้าวร้าวอีกต่างหาก ดังนั้นต่อไปนี้ใครบอกว่ากินขนมหวานแล้วอารมณ์ดีขึ้น ต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ เพราะอย่าลืมว่าของหวานทุกชนิดมักใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสม ถ้ากินเยอะเกินไป จะกลายเป็นคนอารมณ์เสียได้นะคะ

กินหวาน โมโหง่าย10 เคล็ดลับ
ควบคุมน้ำตาล

1 กินเป็นประจำ
สิ่งที่ทำให้เกิดความอยากน้ำตาล ร่างกายของคุณต้องการแหล่งคงที่ของพลังงานไม่สูงและต่ำดังนั้นเคล็ดลับแรกของเราในการที่จะควบคุมความอยากน้ำตาล – ไม่ข้ามมื้ออาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารเช้าและให้แน่ใจว่าจะได้รับความอุดมสมบูรณ์ของโปรตีนที่มีเกือบทุกมื้อการรับประทานเป็นประจำจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณมีเสถียรภาพและช่วยให้หลีกเลี่ยงการกระ

2. รักษามันเช่นดีท็อกซ์
ถ้าคุณจะไปสำหรับการลดความรุนแรงในการบริโภคน้ำตาลของคุณแล้วคุณควรจะใช้กระบวนการนี้อย่างจริงจังน้ำตาลเป็นเสพติดและสัปดาห์แรกที่คุณลดน้ำตาลอาจจะมีบิตอึดอัดคุณอาจจะได้สัมผัสกับความอยากจึงได้เตรียมที่สำหรับพวกเขาตัดออกน้ำตาลในเวลาเมื่อคุณเครียดน้อยที่สุดและไม่เพียง

3. ล้างออกล่อลวง
เคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีการควบคุมความอยากน้ำตาลก็คือ – ทำความสะอาดออกตู้เย็นและตู้ของทุกคนถือว่าดึงดูดและของว่างและทำให้ตัดสินใจอย่างมีสติที่จะไม่สต็อกของพวกเขาเมื่อคุณไปช้อปปิ้งการถอดสิ่งล่อใจสำหรับการเข้าถึงง่ายจะทำให้ง่ายขึ้นที่จะเอาชนะความอยาก

4. เตรียมความพร้อมทางเลือกบางอย่าง
ให้เลือกอาหารมื้อเพื่อตุนถือว่าสุขภาพแทนของขนมหวานเลือกบางสิ่งที่ดีต่อสุขภาพที่คุณไม่ชอบเช่นบลูเบอร์รี่, สตรอเบอร์รี่, แอปเปิ้ล, พีช, โยเกิร์ต, ถั่ว, ผลไม้แห้งหรือผสมเส้นทางขนมทางเลือกเหล่านี้จะลดความอยากความหวานและให้คุณเพิ่มสุขภาพที่ดีของพลังงานและสารอาหารที่มากเกินไป

5. การทดสอบกับอาหารอื่น ๆ
ปลายของเราต่อไปเกี่ยวกับวิธีการควบคุมความอยากน้ำตาลและ วิธีการทำลายยาเสพติดน้ำตาล นี้เป็นโอกาสที่จะทดสอบกับอาหารและลองสิ่งที่คุณไม่เคยกินมาก่อน.ทางเลือกในการหาอาหารที่มีน้ำตาลที่ยังคงทำให้คุณรู้สึกดีและให้พลังงานที่คุณต้องการสิ่งที่คุณอาจคิดว่าเป็นความอยากก็อาจจะเป็นผลมาจากนิสัยและแทนที่ขนมหวานกับคนที่มีสุขภาพดีมากขึ้นจะมากขึ้นกว่าไม่อาหารว่างที่ทั้งหมด

6. ผักหวานในอาหารของท่าน
ทุกคนได้รับความอยากอาหารหวาน แต่คุณไม่ได้เกินน้ำตาลที่จะตอบสนองความอยากที่อีกข้อเสนอแนะที่ดีในการที่จะควบคุมความอยากน้ำตาลคือการทำวิธีที่มีสุขภาพดี: เพิ่มความหวานในอาหารของคุณโดยการเพิ่มผักหวานมื้ออาหารของคุณผักเช่นมันฝรั่งหวานกะหล่ำปลีสีเขียวหัวผักกาดและแครอทจะช่วยในการรักษาเสถียรภาพ

7. ใช้น้ำยาบ้วนปากบาง
เมื่อคุณได้รับความอยากที่แข็งแกร่งที่แท้จริงสำหรับน้ำตาลลองทำความสะอาดฟันของคุณและจากนั้นล้างด้วยน้ำยาบ้วนปากบางรสชาติที่แข็งแกร่งของน้ำยาบ้วนปากจะทำให้อาหารที่มีน้ำตาลน้อยดูเหมือนน่าสนใจ

8. ถ้าคุณจะต้องรักษาแล้วทำให้มันเป็นหนึ่งที่ดี
ถ้าคุณไม่สามารถต้านทานการกระตุ้นสำหรับรักษาหวานแล้วซื้ออาหารที่มีคุณภาพดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูงช็อคโกแลตหรือส่วนเล็ก ๆ ของไอศครีมรสเลิศจะตอบสนองความอยากน้ำตาลของคุณจะดีกว่า

9. เคี้ยวหมากฝรั่งน้ำตาลฟรี
การเคี้ยวหมากฝรั่งน้ำตาลฟรีจะช่วยลดความอยากความหวานรักษาก้อนของน้ำตาลหมากฝรั่งฟรีกับคุณและเวลาถัดไปที่คุณกระหายการรักษาหวานเคี้ยวว่าสำหรับขณะที่และมันจะทำให้ความอยาก

10. วิธีการควบคุมความอยากน้ำตาล? ไม่ต้องพึ่งพาสารให้ความหวานเทียม
สิ่งที่ต้องการโซดาอาหารที่มีสารให้ความหวานเทียมไม่ได้ช่วยให้คุณลดความอยากของคุณเพราะพวกเขาหลอกร่างกายของคุณในความคิดที่ได้รับการขัดขวางน้ำตาลในเลือดเช่นเดียวกับยาเสพติดใด ๆ

รู้เคล็ดลับควบคุมน้ำตาลกันแล้ว ลดเสี่ยง!! โรคชุดกัน ดูแลสุขภาพกันต่อไปนะคะ เราจะสวยและสุขภาพดีไปพร้อมๆกันจ้า

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง
Posted on Leave a comment

อ้วนลงพุงอันตรายกว่าที่คิด

เผาผลาญไขมัน

อ้วนลงพุงอันตรายกว่าที่คิด

อ้วนลงพุง หรือการมีไขมันช่องท้องอันตรายที่สุด  แม้ว่าเราจะมีน้ำหนักปกติก็ อย่าได้วางใจ อย่าคิดว่าเราไม่เป็นโรคอย่างแน่นอน เราอาจจะคิดผิดไปก็ได้ เพราะถึงแม้ว่าน้ำหนักตัวของเราจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่กลับมีพุงยื่น

ลองวัดเส้นรอบเอวดูว่าเรามีภาวะอ้วนลงพุงหรือไม่ วิธีการง่ายง่ายคือส่วนสูงหารด้วยสอง แล้วพบว่าค่าที่ได้ถ้าเกินครึ่ง ถือว่าเริ่มมีภาวะอ้วนลงพุง หรือเส้นรอบเอวผู้หญิงเกิน 80 เซนติเมตร และผู้ชายเกิน 90 เซนติเมตร

ขอให้ทราบไว้เลยว่าภัยร้ายกำลังจะคืบคลานเข้ามาโดยที่เราอาจจะยังไม่ทันได้ตั้งตัวจะรู้อีกทีก็เป็นโรคไปเสียแล้ว

ไขมันในช่องท้องเป็นไขมันที่สามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดและไปสะสมที่อวัยวะต่างๆได้เมื่อไขมันไปสะสมที่อวัยวะต่างๆจะส่งผลดังต่อไปนี้

ผลต่อสมอง ไขมันสะสมตามผนังเส้นเลือดขวางการไหลเวียนเลือดทำให้เกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบอาจเสียชีวิตกระทันหัน

ผลต่อปอด ไขมันในช่องท้องที่มากขึ้นทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่มีผลทำให้ระบบหายใจผิดปกติอาจนำไปสู่การหยุดหายใจขณะหลับได้

ผลต่อหัวใจ อาจทำให้ไขมันอุดตันในหลอดเลือดทำให้หัวใจต้องสูบฉีดแรงขึ้นหากรุนแรงมากอาจทำให้หัวใจวายได้

ผลต่อตับ ไขมันช่องท้องขัดขวางการเผาผ่านน้ำตาลในเซลล์ตับอ่อนจึงทำงานหนักในการผลิตอินซูลินส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน

ผลต่อถุงน้ำดี ไขมันในช่องท้องที่มีมากมีผลทำให้น้ำดีมีสภาพคนและเกิดนิวในถุงน้ำดีได้ง่าย

ผลต่อหัวเข่า ไขมันในช่องท้องทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นพวกเขาต้องรับน้ำหนักมากขึ้นอาจทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม

ภาวะอ้วนลงพุงสามารถแก้ไขได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ลดอาหารทอด อาหารมัน เลือกกินอาหารประเภท ต้ม ยำ อบ หรือนึ่ง แทน ร่วมกับการเพิ่มกิจกรรมทางกายง่ายๆ เช่นการเดินเร็วครั้งละ 10 นาที วันละ3ครั้ง หากพื้นที่จำกัด การแกว่งแขนวันละ 30 นาที ก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผล หากเรามีความตั้งใจจริง ปฏิบัติถูกต้องและสม่ำเสมอ สุขภาพที่แข็งแรงเราสามารถปฏิบัติได้ด้วยตัวเราเอง

ฉะนั้นจงจำไว้เสมอว่า กินให้เท่ากับการเผาผลาญ หากเราไม่ออกกำลังกายจะมีพลังงานเหลือ ใช้เป็นไขมันรอบรอบพุง พร้อมทั้งเกิดผลต่ออวัยวะต่างๆ ดังได้กล่าวไปแล้วข้างต้น

 

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

ชาเขียวกำจัดหน้าท้อง

ชาเขียว

สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว
ไม่เพียงช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่างๆเท่านั้นแต่ยังช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย

ผลการวิจัยพบว่าผู้ออกกำลังกาย ซึ่งดื่มชาเขียววันละ 4 ถ้วย เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยให้ไขมันหน้าท้องลดลงมากกว่าผู้ที่ออกกำลังกายเหมือนกัน แต่ดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอื่นๆ ถึง 8เท่า นักวิจัยเชื่อว่า เป็นเพราะสารในชาเขียว ช่วยเร่งให้ไขมันสลายไปเร็วขึ้น

TIP นักวิจัยในญี่ปุ่นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดจับตัวการซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอุดตันใน Siri เลือดโดยผลการวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละห้าขวดเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองลงได้ 62 เปอร์เซ็นต์

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

กฏเหล็กลดไขมัน

ลดไขมัน

1. ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง (เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล อาทิเช่น ขนมปัง ขนม น้ำผลไม้ น้ำปั้น )

Tip. การดื่มน้ำผลไม้คือเรื่องที่ผิดเพราะน้ำตาลสูงถ้าเลือกกินขอกินแบบเป็นผลดีกว่า

2. งดของมัน ทอด ถ้างดไม่ได้ก็ลดไปทีละนิด
Tip. เนื้อสัตว์ติดมัน ของชุบแป้งทอด

3. ให้มีผักในทุกๆมื้อ มีกากใบช่วยดัดไขมันได้ ช่วยการขับถ่ายท้องยุบ มีวิตามินช่วย
Tip. ผักกินได้เยอะกินเท่าไรก็ได้ แต่ล้างให้สะอาด ใครที่ไม่กินผักก็กินโยเกิร์ลได้ช่วยขับถ่าย (ดูฉลากเรื่องน้ำตาลและแคลลอลี่ดีๆ)

4. กินมื้อเช้าเพื่อกระตุ้นการเผาพลาญเต็มสูบ
Tip. กินมื้อเช้าช่วยให้เริ่มการเผาพลาญให้พลังงานแก่สมอง และจะไม่หิวโหยให้มื้อต่อๆไป

5. อย่าอดมื้อเย็นและกินระยะห่างก่อนนอน3-6ชม
Tip. มื้อเย็นควรงดเด็ดขาดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล ควรทานอาหารที่มีโปรตีน เน้นไก่ ปลา

6.หิวระหว่างวันกินไรดี?? กินผลไม้ที่มีแคลน้อยเช่น แก้วมังกร แตงโมง แคนตาลูป ฝรั่ง และน้ำเปล่า ถั่ว1กำมือ

7. กินน้ำเยอะร่างกายยิ่งไม่บวม ช่วยการเผาพลาญ ผิวชุ่มชื่น จางโซเดียม ลดอาการบวมน้ำ

8. ออกกำลังกายต่อเนื่อง40นาทีขึ้นไป เหงื่อออกเยอะไม่ใช่ไขมัน ไขมันไม่ขับทางเหงื่อ ร่างกายจะเอาไขมันมาใช้ในเวลา40นาทีขึ้นไป

9. ตั้งเป้าหมายที่ละน้อยๆ เช่น ทีละ3โล

10. เพื่อนชวนแดกอย่าไป 55++ ไม่มีใครยอมเสียค่าบุฟเฟต์แพงๆเพื่อไปแดกผักต้มหรอก

11. กินของที่อยากกินได้ 1 มื้อ ต่อสัปดาห์ (ถ้าไม่กินก็จะเห็นผลเร็วกว่านี้)

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

10ประโยชน์เมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทอง

ในเมล็ดฟักทองมี แมงกานีส แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง สังกะสี เหล็ก ทริปโตเฟนและโปรตีน อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของวิตามิน E K C และ B นอกจากนี้เมล็ดฟักทองยังอุดมไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลายชนิด ข้อดีของเมล็ดฟักทองคือ มีผลผลิตตลอดทั้งปี ไม่ต้องแช่เย็น พกพาได้สะดวก และยังมีรสชาติหวานอร่อย เป็นอาหารว่างชั้นดีที่คุณควรมีติดบ้านหรือสำนักงานไว้ และนี่คือ 10 คุณประโยชน์ของเมล็ดฟักทอง

1. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
การบริโภคเมล็ดฟักทองสามารถช่วยลดระดับของ LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี) ในร่างกายของเราได้ ใน 2012 วารสารทางการแพทย์ของแอฟริกันได้ตีพิมพ์ข้อมูลหนึ่ง นักวิจัยพบว่า หนูที่เลี้ยงด้วยเมล็ดฟักทองมีระดับ HDL (คอเลสเตอรอลชั้นดี) เพิ่มขึ้นและระดับ LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี) ลดลงอย่างเห็นได้ชัด กินเมล็ดฟักทองอบแห้ง 2-4 ช้อนโต๊ะทุกวัน โดยไม่ต้องเพิ่มเกลือหรือปรุงรสใดๆเพื่อช่วยลดระดับ LDL ของคุณ

2. การควบคุมน้ำตาลในเลือด
ใน 2010 วารสารโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนได้ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเมล็ดฟักทองกับโรคเบาหวาน การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เมล็ดฟักทองสามารถช่วยควบคุมระดับอินซูลินและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานโดยการลดสภาวะความเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) นอกจากนี้ยังพบว่ามีสารเคมีในน้ำมันเมล็ดฟักทองช่วยป้องกันโรคไตจากเบาหวานได้อีกด้วย คนที่เป็นโรคเบาหวานสามารถรับประมาณเป็นอาหารว่างเพื่อสุขภาพ โดยกินได้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน

3. ต่อต้านโรควิตกกังวล
ในปี 2007 การศึกษาของ Canadian Journal of Physiology and Pharmacology พบว่าทริปโตเฟน (tryptophan) ที่พบในเมล็ดฟักทองช่วยบรรเทาความวิตกกังวล สมองใช้​ทริปโตเฟนเพื่อทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและสบายใจ หากร่างกายมีทริปโตเฟนน้อยเกินไปก็สามารถนำไปสู่​​ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติท​​างอารมณ์อื่นๆ เมื่อคุณรู้สึกว่ามีเครียดมากหลังจากวันทำงานที่ยาวนาน รับประทานเมล็ดฟักทองคั่วจะช่วยให้คุณสงบลงได้

4. บรรเทาอาการโรคข้ออักเสบ
เมล็ดฟักทองและน้ำมันในเมล็ดมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดและการอักเสบในข้อต่อ จึงเป็นประโยชน์มากในการรักษาโรคข้ออักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเข่าเสื่อมและโรคไขข้ออักเสบ ในปี 1995 วารสารเภสัชวิทยาวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันเมล็ดฟักทองพบว่า สามารถรักษาโรคข้ออักเสบได้และยังไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย เพื่อลดการอักเสบของโรคข้ออักเสบ ควรการนวดบริเวณที่ได้รับผลกระทบด้วยน้ำมันเมล็ดฟักทองวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 10 นาที

5. ดีต่อกระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมาก
เมล็ดฟักทองสามารถป้องกันภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ (Overactive Bladder) และช่วยรักษาอาการต่อมลูกหมากโต โดยสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่พบในเมล็ดฟักทองช่วยลดขนาดต่อมลูกหมากโตได้ นอกจากนี้สังกะสียังช่วยลดการปัสสาวะบ่อยในช่วงเวลากลางคืน

6. ปกป้องกระดูก
เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน แร่ธาตุเหล่านี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของกระดูกหัก การรับประทานเมล็ดฟักทอง 1/4 ถ้วยทุกวัน สามารถลดอาการโรคกระดูกพรุนได้

7. ปรับปรุงสุขภาพหัวใจ
เมล็ดฟักทองมีแมกนีเซียมที่จะช่วยในการทำงานของหัวใจและช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง ทั้งมีบทบาทสำคัญในจังหวะการเต้นของหัวใจซึ่สามารถป้องกันการเกิดหัวใจหยุดเต้นฉับพลันได้ และทองแดงในเมล็ดฟักทองยังช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดงและเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนในเลือด

8. ป้องกันสู้พยาธิในลำไส้
เมล็ดฟักทองมีคุณสมบัติที่ช่วยในการกำจัดพยาธิตัวตืด พยาธิเข็มหมุดและปรสิตอันตรายอื่น ๆ ในลำไส้ ข้อมูลจากหนังสือ The Doctors Book of Home Remedies.

9. การนอนหลับ
เมล็ดฟักทองมีทริปโตเฟนอยุ่เป็นจำนวนมากซึ่งร่างกายใช้แปลงเป็นเซโรโทนิน (serotonin) และเมลาโทนิน (Melatonin) เพื่อช่วยในการนอนหลับพักผ่อนยามค่ำ​​คืน ผสมผงเมล็ดฟักทอง 1 ช้อนโต๊ะในแก้วนมอุ่นๆทานก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

10. ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยสังกะสีที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของคุณ หากขาดธาตุสังกะสีมากๆจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ เป็นหวัดง่าย เกิดสิวและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้เมล็ดฟักทองยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิดที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย อย่างเช่นซีลีเนียมจะช่วยร่างกายสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

❥เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส
เคล็ดลับดูแลรูปร่าง

Posted on Leave a comment

กินป้องกันเหี่ยว

แสงแดดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำร้ายผิวหนังนอกจากเสี่ยงเป็นมะเร็ง แล้วยัง…
ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรอีกด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอยด์สูง..ช่วยลดอาการดังกล่าว

จากการทดสอบให้ผู้หญิงรับประทานสารฟลาโวนอยด์ วันละ 329 มิลลิกรัม(เท่ากับดื่มเครื่องดื่มช็อกโกแลตเข้มข้น3.5ออนซ์) เป็นเวลา 12 สัปดาห์

พบว่าช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังมีรอยแดงจากการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานได้ 25 เปอร์เซ็นต์ เพราะฟลาโวนอยด์ มีส่วนช่วยให้เลือดภายในเซลล์ผิวหนังไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงป้องกันเซลล์ผิวหนังจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้

อาหารที่มีโฟลวานอยด์สูง ได้แก่ช็อกโกแลต ชาดำ ชาเขียว กะหล่ำปลี แอปเปิ้ลแดง และบรอกโคลี เป็นต้น

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส

Posted on Leave a comment

อย่ามองข้ามมันเทศ

มันเทศอุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซีโฟเลต วิตามินอี ธาตุเหล็ก แคลเซี่ยม
นอกจากนี้ ยังมีไฟเบอร์สูงอีกด้วย

เมื่อเทียบกันแล้ว มันเทศมีสารอาหารต่างๆมากกว่าแครอท และมันฝรั่งเสียอีก และถ้าหากรับประทานมันเทศทั้งเปลือก จะช่วยให้ร่างกายได้รับ..เบต้าเคโรทีนเพิ่มขึ้น ถึง4 เท่า

ผลการวิจัยพบว่าการที่มันเทศ  มีสารอาหารสำคัญต่างๆสูง  ช่วยป้องกันโรคร้ายหลายโรค  เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง  รวมทั้งอัลไซเมอร์ด้วย

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

เดนิมพลัส

 

Posted on Leave a comment

เคล็ดลับหน้าเด็กตลอดกาล

เคล็ดลับหน้าเด็ก

การดูแลรักษาผิวหน้า…ชะลอความหย่อนยาน เคล็ดลับหน้าเด็กตลอดกาล


ความหย่อนคล้อย หรือเหี่ยวย่นของผิวหน้า เป็นสิ่งที่สาวๆ ทุกคนประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าความตายเสียอีก โดยเฉพาะ… หากเป็นความเหี่ยวย่นที่มาถึงก่อนเวลาอันควร ยิ่งน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน สำหรับสาวๆ ที่ต้องแต่งหน้าทุกวันเพื่อไปทำงาน บางคนอายุเพียงแค่ 30 ปีกว่าๆ ก็มีผิวที่หย่อนยานลงซะแล้ว…

มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว หลักๆ คือการขาดความรู้เรื่องผิวพรรณ และวิธีการดูแลที่ถูกต้อง เช่นการใช้เครื่องสำอางที่ไม่ถูกกับสภาพผิว อาจมากเกินไป หรือน้อยเกินไป เป็นต้น

วิธีการดูแล
ควรนวดหน้าทุกคืนด้วยตนเอง เป็นการกระตุ้นให้เซลล์ตื่นตัว เพื่อสร้างเซลล์ใหม่และผลัดเซลล์เก่าออก ทั้งยังช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตไปหล่อเลี้ยงผิวดีขึ้น กล้ามเนื้อจะกระชับ ทำให้การหย่อนยานลดลง ส่วนการกดจุดบนใบหน้าวันละครั้ง ก็สามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น เราสามารถกดจุดได้ทุกที่และทุกเวลา

เครื่องสำอางบางชนิดที่มีสรรพคุณกระชับผิวที่หย่อนยานให้เต่งตึงขึ้นก็สามารถช่วยได้ แต่ต้องทำเป็นประจำ มีให้เลือกหลายชนิด และมีชื่อต่างกันไป เช่น Essence Lighting Cream จะลองดูก็ได้ บางคนใช้ได้ผล ส่วนคนที่ใช้บ้างไม่ใช้บ้างอาจไม่ได้ผล สำหรับผู้ทีมีอายุมาก เช่น คน อายุ 60 ปีขึ้นไป อาจได้ผลน้อย
สำหรับท่านที่มีงบน้อย แนะนำให้ใช้ของในครัวเรือน เช่น น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าวชนิดหีบเย็นนวดหน้า หลังจากนวดแล้วให้พอกผิวด้วยสูตรผักรวมบด เพื่อกระตุ้นให้ผิวสดชื่นเต่งตึงขึ้น ทำความสะอาดแล้วหลังจากนั้นใช้โลชั่นแตงกวาชโลมให้ทั่วใบหน้า สมานผิวกระชับรูขุมขน

สูตรบำรุงผิวจากธรรมชาติ
สูตรผักบด
• ใช้กับทุกสภาพผิว ประกอบด้วย แตงกวา มะเขือเทศ แครอท อะโวคาโด บดแล้วผสมนมผงให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ผิวจะขาวเต่งตึงขึ้น
โลชั่นแตงกวา
• ปั่นแตงกวาให้ละเอียด ใช้ผ้าขาวบางกรองให้เหลือแต่น้ำ ผสมน้ำสะอาดเท่าตัว ใส่ภาชนะมีฝาปิด นำไปแช่เย็น นำมาเป็นโลชั่นกระชับรูขุมขน ลดความมันได้
• ส่วนเนื้อของแตงกวา นำมาผสมกับไข่ไก่ 1 ฟอง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก จะทำให้ผิวที่หยาบกร้านหลุดออกไป ผิวหน้าจะสดชื่นเปล่งปลั่ง (แตงกวาควรเลือกที่ปลอดภัยจากสารเคมี)

เคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงเปล่งปลั่ง คือ การนวดหน้าอย่างสม่ำเสมอที่ทำได้ทุกวัน บางคนเข้าใจผิดคิดว่าการนวดหน้าทำให้ผิวเหี่ยวย่น จริงๆ แล้ว การนวดหน้าทำให้การไหลเวียนของโลหิตที่ไปหล่อเลี้ยงผิวนั้นดีขึ้น และยังกระตุ้นให้เซลล์เก่าและรูขุมขนขับน้ำมันออกมาตามปกติ การนวดหน้าสามารถทำได้ด้วยตนเองนะคะ ถึงจะเป็นแม่บ้าน เป็นสาวก้นครัว แต่ก็ยังสวยได้จริงๆ ค่ะ

✦คลิกที่รูป

❥ไม่ง้อเข็ม…

✦บอกลา ริ้วรอย ชะลอความชรา
สเปรย์ทั่วใบหน้า รักนางเลย??

✦เป๊ะเว่อร์ สีผิวสม่ำเสมอ ริ้วตื้น หน้าเรียบเนียน รูขุมขนตื่น ปรับรูปหน้า เริ่ดๆ ??

Posted on Leave a comment

อึบอกสุขภาพ

อึบอกสุขภาพ

?? ? อุจจาระบอกสุขภาพ

? ✺อุจจาระเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะอุจจาระสามารถบอกความผิดปกติของร่างกายได้ ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลไปตรวจเลือด ก็สามารถรู้ได้ว่าสุขภาพของเราดีหรือไม่ ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่สังเกตสีและลักษณะของอุจจาระก่อนที่จะกดชักโครก

?✺การสังเกตสีอุจจาระ?

? ✺อุจจาระที่อันตราย อุจจาระมักมีสีดำ บ่งบอกว่าอาจมีเลือดออกในกระเพาะหรือลำไส้

? ✺อุจจาระควรปรับปรุง อุจจาระมักมีสีน้ำตาล บ่งบอกว่ากินเนื้อมากกว่าการกินผักและผลไม้

? ✺อุจจาระปลอดภัยไม่มีพิษสะสม อุจจาระมักมีสีเขียว บ่งบอกว่ากินผักผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์ และอุจจาระสีน้ำตาลอมเหลือง แสดงว่ากินเนื้อในอัตราที่สมดุลกับผักผลไม้

?✺การสังเกตลักษณะอุจจาระ??

?1. ✺อุจจาระแบบกล้วย มีสีเหลือง มีกลิ่นแบบพอรับได้ ไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป เมื่อตกลงน้ำจะลอยตัว อุจจาระแบบนี้เป็นอุจจาระที่มีสุขภาพดีมาก และอาหารที่รับประทานมีความสมดุลต่อร่างกาย ควรรักษาให้มีอุจจาระแบบนี้ตลอดไปจะดีต่อสุขภาพของคุณ

?2. ✺อุจจาระแบบผอมเรียว มีสีน้ำตาลแดงปนดำ เวลาปล่อยจะมีลักษณะขาดเป็นช่วงๆ รูปร่างผอมลีบ เหลวข้น และมีกลิ่น เหม็นเปรี้ยว เกิดจากคนที่กล้ามเนื้อท้องมีปัญหา อาจเกิดจากการขาดสารอาหาร หรือกำลังอยู่ในช่วงที่ลดน้ำหนักมากเกินไป อุจจาระแบบนี้ไม่ดีนัก ควรปรับปรุงด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น

?3. ✺อุจจาระแบบดินโคลน มีสีน้ำตาลแดงเข้มค่อนไปทางดำ มีกลิ่นแรง ลักษณะคล้ายดินโคลน ถ่ายครั้งละมากๆ คล้ายคนท้องเสีย ควรพักผ่อนเยอะๆ เพราะเป็นสัญญาณของการอดนอน ควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์เยอะๆ งดอาหารเผ็ด หรือชา กาแฟ ถ้าอุจจาระแบบนี้นานๆ ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพ

?4. ✺อุจจาระแบบน้ำ มีโอกาสเป็นได้หลายสี ยกเว้นสีน้ำตาล ลักษณะเป็นน้ำมีกลิ่นเหม็นมาก สาเหตุมาจากเรื่องความเครียด พักผ่อนน้อย กินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นควรพักผ่อนเยอะๆ ทำจิตใจให้สบาย งดอาหารที่มีไขมันและโปรตีนสูง ควรกินผักผลไม้เยอะๆ ถ้าอุจจาระแบบนี้นานๆ ควรไปปรึกษาแพทย์โดยด่วน

?5. ✺อุจจาระแบบแข็งปนน้ำ มีโอกาสเป็นได้หลายสี อาจเหม็นบ้างไม่เหม็นบ้าง อุจจาระแบบนี้บ่งบอกได้ว่าลำไส้ขาดความแข็งแรง ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพ

?6. ✺อุจจาระแบบแข็ง มีสีน้ำตาล น้ำตาลแดง หรือดำ มีลักษณะคล้ายก้อนหินเม็ดเล็กๆ หรือเหมือนขี้กระต่าย มีกลิ่นเหม็นมาก และทุกเม็ดแข็งมาก นั่นเพราะในลำไส้ขาดน้ำ จึงส่งผลทำให้เกิด โรคท้องผูก ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเยอะๆ และทานอาหารที่มีไฟเบอร์ เพื่อให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น

?7. ✺อุจจาระแบบดีที่สุด มีสีเหลืองทอง กลิ่นไม่แรงมาก ลักษณะขดเป็นวง (เหมือนในการ์ตูน) เจ้าของอุจจาระแบบนี้ ต้องบอกว่ามีสุขภาพที่ดีเยี่ยม และยังมีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย

➰ถึงอุจจาระจะเป็นของเสียที่ร่างกายของเราขับออกมา แต่อุจจาระก็ยังพอมีประโยชน์ สามารถช่วยเป็นคุณหมอประจำตัวประเมินโรคได้ด้วย เมื่อฟังบทความนี้แล้วก่อนกดชักโครก

✺ลองสังเกตอุจจาระของคุณดู จะได้ทราบว่าสุขภาพของคุณตอนนี้เป็นอย่างไร จะได้ป้องกันแก้ไขได้ตรงเวลาก่อนเกิดโรค

เรื่องราวเพิ่มเติม ตัวช่วย ตอบโจทย์
https://789beauty.com/

เดนิมพลัส วันละเม็ด
เผาผลาญแทนออกกำลังกาย
❥ ใช้หลักการ เน้นการเบิร์น Burn และการบล็อค Block โดยทำให้ร่างกายสามารถทำการ Burn ได้ตลอดทั้งวัน โดยทำให้เกิด กระบวนการเมตาบอลิซึม Metabolism ได้ตลอดทั้งวัน ยับยั้งย่อยแป้ง + ดักจับไขมัน แล้วขับถ่ายออก

 

เดนิมพลัส